ภาคแรกสนุกสนาน มันส์มากๆ แจ้งเกิดให้หลายคนครับ แต่มาเรื่องนี้นี่แทบจะแจ้งตายให้ผู้กำกับ Jan de Bont ไปเลย เพราะทั้งเรื่องราวและความสนุกมันไปคนละลู่กับภาคแรกเลยน่ะครับ

เหตุคราวนี้ไปเกิดบนเรือครับ โดยแอนนี่ พอร์ตเตอร์ (Sandra Bullock) นางเอกจากภาคที่แล้วไปเที่ยวเรือสำราญกับแฟนใหม่ ที่ชื่อว่า อเล็กซ์ ชอว์ (Jason Patric) แต่ทว่าเวรของกรรมจริงๆ ที่ดันมีผู้ร้ายไปก่อการถล่มเรือลำนั้น มันคือ จอห์น ไกเกอร์ (Willem Dafoe) พน้กงานเก่าที่มีความแค้นกับเจ้าของเรือ งานนี้ วันพักผ่อนเลยหมดลงเร็วกว่ากำหนดครับ บรรดาผู้โดยสารบนเรือเลยต้องมาหนีตายกันตามระเบียบ

หนังยังได้ Bullock แสดงนำ และยังได้ de Bont มากำกับ แต่ทำไมความสนุกมันถึงคนละชั้นกับภาคแรกได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้ แม้หนังจะลงทุนสูงถึง 110 ล้านเหรียญ แต่กลับไม่ใคร่จะยิ่งใหญ่เท่าใดนัก คือ มันก็มีแค่เรือน่ะครับ ไม่ได้มีอะไรอลังการไปกว่านั้นเลย เรียกว่างานนี้ทุนละลายทะเลไปเยอะมากๆ บทหนังก็อ่อนเหลือเกิน ไม่ได้แปลกไปจากภาคแรกเลย ซ้ำยังดูอืดกว่าด้วย เพราะอย่างน้อยๆ ภาคแรก เหตุมันเกิดบนรถเมล์กลางเมือง มันก็ยังมีลุ้นมากกว่าเพราะ เราต้องมานั่งลุ้นนั่งเสียวว่ารถจะไปชนใครมั้ยใช่มั้ยล่ะครับ แต่ภาคนี้ เหตุมันเกิดบนเรือ เราจะลุ้นอะไรอีกล่ะ จะห่วงว่าเรือจะไปชนแมงกระพรุนรึยังไงกันล่ะฮะ ดังนั้นไอ้ประเด็นลุ้นๆ ก็หายไปเยอะเลยครับ ที่เหลือก็แค่ตามล่าหาผู้ร้ายบนเรือ ซึ่งมันก็ไม่ได้ตื่นเต้นหรือแปลกใหม่แต่อย่างใด

นอกจากนี้การไล่ล่าผู้ร้ายมันไม่ไ่ด้กดดันอย่างภาคแรก เพราะภาคแรกนี่ผู้ร้ายมันคุมทุกอย่างนี่ครับ ระเบิดก็มีในมือ ใครขยับหรือพูดอะไรผิดหูมันหน่อย มันกดทีเดียว ก็ตายหมดทั้งคัน แต่ในภาคนี้มันเรืออ้ะครับ มันขนผู้โดยสารหนีได้ไม่ยากอยู่แล้ว เพราะเรือมันใหญ่ ยังไงมันก็เห็นไม่หมดหรอก อีกอย่างคือไอ้ผู้ร้ายไม่มีทางระเบิดเรือทิ้งแน่ๆ เพราะมันก็อยู่บนนั้นด้วยนี่ครับ ดังนั้นแม้จะได้นักแสดงฝีมือเยี่ยมอย่าง Dafoe แต่ด้วยบทหนังที่ธรมดา การร้ายและบ้าคลั่งของพี่แกเลยเสียเปล่าไปหน่อยครับ (ไม่เชื่อลองเอาไปเทียบกับบทกรีน ก็อบลินใน Spider-man ได้เลยครับ มันบ้าคลั่งแต่ระดับความลึกของบทมันคนละเรื่องจริงๆ)

ส่วน Bullock มาเล่นเรื่องนี้จริงๆ ก็ไม่ยากอยู่แล้วล่ะครับ เธอก็ยังน่ารักและเซ็กซี่กว่าเดิมเยอะ แต่บทภาคนี้เธอออกจะต๊องจนเกินไปหน่อย คือภาคแรกเธอต๊องแบบพอดีๆ อ้ะครับ เลยดูน่ารัก แต่มาภาคนี้เหมือนกับจะหลุดไปยังไงก็ไม่ทราบ ในขณะที่พระเอกนั้น ก็คือ Patric ซึ่งอันนี้สู้พี่ Keanu Reeves ไม่ได้เลยครับ แม้พี่ Keanu แกจะเล่นหนังไม่แข็งแรง แต่แกเท่ห์อ้ะครับ ว่า
Patric แกออกจะดูเป็นบทสมทบยังไงก็ไม่ทราบ ราศีพระเอกไม่จับเอาเลย ซึ่งจะไปโทษพี่แกก็ไมไ่ด้น่ะแหละอะ เพราะบทมันยวบยาบมากจริงๆ

เนี่ยครับ ดารายังพอไหว แต่บทมันไม่มันส์ ไม่กดดันและไม่ลุ้นเลย ซึ่งอันนี้เปรียบเทียบกับ Speed ภาคแรกได้ชัดๆ เลยนะครับ เพราะหนังยาวสองชั่วโมงพอๆ กัน แต่ความน่าติดตามความลุ้นนี่ต่างกันเหลือแสนและแม้หนังจะลงทุนไปมาก แต่มันก็ไปลงกับอะไรที่ไม่จำเป็นน่ะครับ อย่างช่วงท้ายมีระเบิดใหญ่ๆ อยู่เหมือนกัน แต่มันเหมือนกับให้มีระเบิดไปอย่างนั้นมากกว่า จริงๆ ไอ้ตอนท้ายไม่ต้องระเบิดก็ได้ครับ มันไม่ได้มีผลอะไรนักหนาเลย

ว่ากันว่านะครับ บทหนังของ Speed ภาคนี้เนี่ย เดิมมันเป็นบทที่เขียนขึ้นสำหรับ Die Hard ภาค 4 ครับ แต่ทาง Fox เกิดเปลี่ยนใจเอาบทนี้มาใช้กับ Speed แทน แล้วก็มีการดัดแปลงไปเยอะมาก จนออกมาเป็นแบบนี้ ซึ่งผมก็ไม่รู้จะว่ายังไงดีอ้ะนะครับ แต่ที่แน่ใจแน่ๆ คือ ถ้า Die Hard 4 ดันได้บทแบบที่ปรากฎในหนังเรื่องนี้ไปล่ะก็ รับรองว่า ไม่ Die hard หรอกครับ แต่ Die Sureๆ แน่นอน

นับว่าผิดหวังครับ คือต้องดูแบบทำใจแบบเต็มทีเลยอ้ะนะครับ ไม่คิดมากเลยแล้วท่านอาจจะพอไหวบ้าง จริงๆ ช่วงต้นๆ ก็พอทำใจได้ครับ แต่ไอ้ตอนไล่ล่ากันกลางเรื่องนี่มันอืดมาก จนจะเรียกว่าไล่ล่าก็ไม่ถูกนัก เพราะมันเดินเล่นกันมากกว่า จริงๆ ถ้าช่วงกลางๆ นี่มันใส่อะไรที่คอขาดบาดตายลงไปมากๆ มันคงลุ้นน่ะครับ แต่หนังก็ไม่ไ่ด้ใส่อะไรลงไปเลย ก็เลย เป็นเงี้ย

อย่าคาดหวังครับ แล้วท่านอาจจะไม่ผิดหวัง ส่วนผมขนาดทำใจแล้วยังอดสะอึกไม่ได้เลย แต่ยอมรับครับว่า Bullock ดูเซ็กซี่ขึ้นมาก (แต่ก็ต๊องมากเช่นกัน) และอีกคนที่น่ารักก็คือ Christine Firkins ที่เล่นเป็นดรู เด็กน้อยที่หูหนวกน่ะครับ ผมว่าเธอพยายามเล่นได้ดีนะ ก็นับถือเหมือนกันครับ เพราะเธอเป็นเด็กหูหนวกจริงๆ แสดงได้ระดับนี้ก็ถือว่าดีแล้วล่ะครับ สายตาเวลามองพระเอกนี่ผมว่าสื่อได้ไม่เลวน่ะ แต่ก็นั่นแหละครับ เสียดายที่มาเล่นเรื่องนี้ เธอเลยไม่มีผลงานออกมาอีกเลย (นอกจากใน The X-Files แค่ 2 ตอน) ฮือๆ เสียดายคนน่ารัก

หนังน่าจะเปลี่ยนชื่อจาก Speed เป็น Slow ครับ เพราะมันไม่ได้เร้าอะไรเลยจริงๆ

ไม่ได้สองดาวครับ

(5/10)