
หนังการ์ตูนของ Disney ที่ลงสูตร Princess Story ตามแบบฉบับของค่ายนี้ครับ ถ้าว่ากันถึงแก่นแล้วมันอาจไม่มีอะไรแปลกใหม่แหวกไปจากเดิม แต่ถ้าว่ากันถึงการเล่าเรื่องแล้ว ก็ถือว่ามีพัฒนาการที่น่าสนใจเหมือนกัน
หนังการ์ตูนของ Disney ที่ลงสูตร Princess Story ตามแบบฉบับของค่ายนี้ครับ ถ้าว่ากันถึงแก่นแล้วมันอาจไม่มีอะไรแปลกใหม่แหวกไปจากเดิม แต่ถ้าว่ากันถึงการเล่าเรื่องแล้ว ก็ถือว่ามีพัฒนาการที่น่าสนใจเหมือนกัน
The Marine 2 ภาคต่อแบบลงแผ่นครับ โดยเปลี่ยนตัวเอกใหม่มาเป็น โจ ลินด์วู้ด (Ted DiBiase Jr.) นาวิกโยธินมือดีที่เดินทางมาเที่ยวพักผ่อนกับคนรัก (Lara Cox) แต่ที่นั่นดันมีผู้ก่อการร้ายบุกยึด เขาเลยต้องหาทางกำจัดพวกมันพร้อมช่วยผู้บริสุทธิ์ที่เป็นตัวประกันออกมาให้จงได้
ภาคนี้ก็ลงแผ่นอีกตามเคยครับ กับเรื่องราวตอนที่สามของตำนานยอดนักรบอัคเคเดียนนามว่า มัลไธอัส หรือฉายาว่าเดอะ สกอร์เปี้ยน คิง หลังจากภาคแรกหนังได้เล่าให้เรารู้จักถึงการขึ้นครองอาณาจักรของเขาแล้ว ภาคสองก็ย้อนไปเล่าเรื่องสมัยหนุ่มๆ พอมาภาคนี้หนังก็เล่าถึงเหตุการณ์หลังจากภาคแรกครับ
Hard Target ภาคแรกมีความหมายต่อผมในฐานะเป็นหนังแอ็กชันเรื่องแรกที่ John Woo ทำให้กับ Hollywood แม้ตัวหนังจะไม่ได้เด็ดขาดอะไรมาก แต่ก็ถือว่ามันส์ครับ อีกอย่างคือหนังจัดเต็มลีลาแบบ Woo แบบเต็มพิกัดไม่ว่าจะสโลว์, สไลด์ยิง, ถือปืนสองมือ หรือเอาปืนมาจ่อใส่กัน
ว่าแบบเนื้อๆ เน้นๆ เลยนะครับ ผมชอบงาน Effect ของหนัง Green Lantern มากๆ เพราะสีมันสด ชุดดูเด่นเรืองรอง แม้จะไม่ได้แปลกใหม่แต่ลงตัว พวก Effect พลัง, ฉากระเบิดบึ้ม, มิติของกรีน แลนเทิร์น หรือตัวบอสใหญ่แสนอลังตอนท้าย พวกนี้เวิร์กดีเลยครับ
ภาคแรกสนุกสนาน มันส์มากๆ แจ้งเกิดให้หลายคนครับ แต่มาเรื่องนี้นี่แทบจะแจ้งตายให้ผู้กำกับ Jan de Bont ไปเลย เพราะทั้งเรื่องราวและความสนุกมันไปคนละลู่กับภาคแรกเลยน่ะครับ