ท่านที่คุ้นเคยกับหนังเกรด B แนวแอ็กชันปนไซไฟเมื่อหลายสิบปีก่อนคงพอจะจำได้ว่าแนวเรื่องของหนังแนวนี้มียู่ประมาณ 2 แบบใหญ่ๆ ถ้าไม่ใช่ประเภทที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก The Terminator ก็จะเป็นสัตว์โลกน่ารักมหาประลัยไล่ฟัดแทะมนุษย์อย่างเอร็ดอร่อย
ท่านที่คุ้นเคยกับหนังเกรด B แนวแอ็กชันปนไซไฟเมื่อหลายสิบปีก่อนคงพอจะจำได้ว่าแนวเรื่องของหนังแนวนี้มียู่ประมาณ 2 แบบใหญ่ๆ ถ้าไม่ใช่ประเภทที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก The Terminator ก็จะเป็นสัตว์โลกน่ารักมหาประลัยไล่ฟัดแทะมนุษย์อย่างเอร็ดอร่อย
หนังสร้างจากเกมกระดานยอดฮิตของอเมริกันครับ (ส่วนตอนนี้เกมก็ขยับขยายมาอยู่บนเครื่อง PC แล้ว) เนื้อเรื่องของหนังก็ว่าด้วยจอมวายร้ายโพรฟิออน (Jeremy Irons) ที่หมายจะครอบครองอาณาจักรอิซเมอร์มาเป็นของตน แต่ราชินีองค์น้อยแห่งอาณาจักร (Thora Birch) ก็ไม่ยอมศิโรราบต่อมันโดยง่าย ซึ่งทางเดียวที่จะสามารถต่อกรกับโพรฟิออน ก็คือต้องหาคฑาแห่งเซฟริลล์ที่มีอำนาจในการควบคุมมังกรอันทรงฤทธิ์มาเพื่อรับมือกับมัน
หนังเรื่องนี้ก็มีหลายชื่อน่ะนะครับ ชื่อแรกคือ The Outing แต่ทีนี้พอออกฉายแล้วดันเจ๊ง ก็เลยมีการเปลี่ยนชื่อเป็น The Lamp ตอนออกฉายในต่างประเทศ ซึ่งตอนเข้าไทยก็ใช้ชื่อ The Lamp นี่แหละครับ
คุณหนุ่มๆ ครับ เหตุผลที่ทำให้คุณอยากดูหนังเรื่องนี้คืออะไร…
ก่อนเริ่มรีวิวสารพัดหนังการ์ตูนดีๆ จาก Pixar ก็ขอรีวิวแบบเบาๆ ก่อนล่ะนะครับ กับหนังที่ได้ดูในช่วงนี้ (และไม่ต้องคิดอะไรมากนอกจากรีวิวตามที่คิด) เริ่มจากเรื่องนี้เลยครับ แม่สาวสูง 50 ฟุตบุกเมือง!
นี่ถือเป็นหนังเล็กๆ อีกเรื่องที่ไม่เล็กสำหรับผมครับ อย่างแรกคือดาราในเรื่อง แม้จะไม่ใช่คนดังในปัจจุบัน แต่ก็ถือว่ารวมดาราหน้าเก่าที่คอหนังยุค 90 คุ้นเคยไว้เยอะทีเดียว ตั้งแต่ Matt McCoy (Police Academy 5 – 6), Jeffrey Combs (หนังชุด Re-Animator), Paul Gleason, Lance Henriksen (Aliens), Rex Linn (CSI: Miami), Phil Morris (ซีรี่ส์ Mission: Impossible ยุค 90) และ Dee Wallace Stone (Critters, The Howling และ The Frighteners) เรียกว่าดาราก็ไม่ใช่น้อยน่ะครับ
นี่ก็อีกหนึ่งหนังที่เคยดูทางทีวีเมื่อตอนเด็กๆ ครับ พอโตขึ้นถึงค่อยมารู้ว่าเป็นหนังของ Full Moon Entertainment ที่ชอบทำหนังไซไฟทุนไม่สูงออกมาป้อนตลาดอยู่บ่อยๆ ช่วงต้นยุค 90 น่ะครับ
หนังเรื่องนี้มีชื่อฝรั่งหลายชื่อครับ ไม่ว่าจะ Death Ward #13 หรือชื่อใน IMDB ว่า The Forgotten เป็นหนังทุนต่ำที่พยายามเกาะกระแสความดังของ The Last House on the Left (ภาคต้นฉบับของ Wes Craven น่ะนะครับ) ด้วยการเอาคำโปรยเด็ดของหนังเรื่องนั้นมาใช้กับหนังตนเอง
จำได้ว่าช่วงหนัง 7 ประจัญบานออกฉายใหม่ๆ ผมเคยมีคำถามว่าทำไมไม่มีคนลองทำหนังไทยแนวแอ็กชันที่เอาดาราลายครามมารวมพลังกัน เป็นหนังแอ็กชันวัยดึกสายเข้มผสมฮาอะไรก็ได้ ผมว่ามันน่าจะเจ๋งดี และเป็นการไว้ลาย ให้พื้นที่กับดาราอาวุโสด้วย
Home หรือ At the Devil’s Door ชวนให้นึกถึง Ju-On เอามากๆ เลยครับ เพราะเหตุการณ์หลักมันเกิดที่บ้านหลังหนึ่ง และใครก็ตามที่มาข้องแวะก็จะโดนดีไปตามๆ กัน