อีกหนึ่งหนังรักดูสนุกดูสบายจาก Hallmark ที่มีการสร้างต่อตามออกมาอีกหลายภาคเลยครับ

โอลิเวีย เพิร์ชชิ่ง (Josie Bissett) กำลังจะแต่งงานครั้งใหม่กับจอช จอห์นสัน (Cameron Bancroft) โดยเกรซ (Emily Tennant) ลูกสาวของเธอนั้นได้จองรีสอร์ทชื่อว่าวิลโลว์ เลค อินน์ไว้สำหรับจัดงาน แล้วเมื่อโอลิเวียไปถึงก็เป็นอันต้องช็อคครับ เพราะเจ้าของรีสอร์ทนั้นคือมิค เทอร์เนอร์ (Jack Wagner) รักหวานเมื่อวันวานของเธอ

แล้วก็ตามสูตรครับ เมื่อทั้งคู่มาอยู่ใกล้กัน ถ่านไฟเก่าก็เริ่มคุขึ้นอีกครั้ง แล้วอีแบบนี้มันจะลงเอยอย่างไรหนอ

อย่างแรกเลยที่ขอยกนิ้วให้คือวิวครับ ทิวทัศน์สวยใช้ได้ทีเดียว โดยเฉพาะตรงทะเลสาบที่ที่ติดกับภูเขาสวย บรรยากาศดีจนรู้สึกประทับใจ ซึ่งโลเคชั่นที่ใช้ถ่ายก็คือที่รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดาครับ ซึ่งหนัง Hallmark ส่วนใหญ่ก็ไปถ่ายกันในแคนาดานี่แหละ

ส่วนเรื่องราวก็ตามสูตรครับ คู่รักเก่าแก่ที่ห่างหายกันไปนานได้มาเจอกันอีกครั้ง ก็มีการจิกกัน กัดกัน แล้วก็มีโมเมนต์น่ารักๆ แทรกลงไปเป็นพักๆ สิ่งหนึ่งที่หนังทำได้ก็คือทำให้เรารู้สึกครับว่ามิคกับโอลิเวียนั้นยังมีใจให้กัน และพวกเขาก็ถือว่าเหมาะกันไม่น้อย เคมีไปกันได้น่ะครับ ว่างั้นเถอะ

แต่ที่ผมออกจะชอบมากหน่อยคือตัวละครลูกสาวของพวกเขาน่ะครับ นั่นก็คือเกรซที่เป็นลูกของโอลิเวีย และจูลี่ (Sarah Grey) ที่เป็นลูกของมิค พวกเขาดูเข้ากันได้ดีครับ ดูไปก็เหมือนพี่น้องเลย มีการคุยกัน สานมิตรภาพกัน ปรับทุกข์กัน ก็เพิ่มอารมณ์น่ารักและอบอุ่นให้กับหนังได้อีกหน่อยนึง

โดยรวมแล้วหนังก็ถือว่าดูได้เรื่อยๆ ตามสไตล์หนังรัก Hallmark น่ะครับ อาจไม่ถึงกับหวานมาก ประทับใจมาก หรือมีแง่คิดมาก แต่ก็ถือว่าดูได้เพลินๆ และอีกตัวละครหนึ่งที่จริงๆ น่าสนใจแต่บทไม่เยอะเท่าไรคือดุ๊ค (Aaron Pearl) เพื่อนของมิคที่รับหน้าที่เป็นพ่อครัว รายนี้จริงๆ มีศักยภาพที่จะขโมยซีนได้ แต่หนังไม่ใคร่จะให้โอกาสสักเท่าไร

แต่หนังก็ยังมีแง่คิดดีๆ อย่าง “อย่ายอมแค่มัน “โอเค” เพราะมันดีขึ้น “ได้อีก” เสมอ” ก็เป็นอะไรที่เราแอบเก็บไปคิดในการดำเนินชีวิตได้ไม่เลวเหมือนกัน

ตัวหนังจัดว่าประสบความสำเร็จพอดูตอนออกฉายครับ มีผู้ชมกว่า 2.3 ล้านคน เป็นหนังที่มีผู้ชมมากที่สุดของวัน และยังตามไปฮิตต่อใน Twitter มีคนพูดถึงมากมาย จนหนังได้โอกาสทำภาคต่อครับ

อีกอย่างที่ถือเป็นเกร็ดสนุกๆ ก็คือ ตัวละครมิค เทอร์เนอร์นั้นเป็นอดีตนักร้องชื่อดัง ซึ่งในชีวิตจริงของ Wagner นั้นเขาก็เคยเป็นนักร้องเหมือนกันครับ เพลง All I Need ของเขาเคยไต่ไปถึงอันดับ 2 ของชาร์ต Billboard Hot 100 (ในปี 1985) ส่งผลให้เขามีผลงานตามออกมาอีกหลายอัลบั้ม ก็ลองไปหาฟังกันได้ครับ เพลง All I Need นี่จัดว่าเพราะอยู่ และที่สำคัญคือฟังแล้วได้กลิ่นอายยุค 80 มาเต็มๆ

ก็ไม่รู้ใครเป็นเหมือนผมไหมน่ะนะครับ แต่สำหรับผมแล้วยุคนั้นผมมักได้ฟังเพลงหลากหลายจากรายการวิทยุ ตอนที่รถติดอยู่ตามจุดต่างๆ ของกรุงเทพ โดยเฉพาะช่วงระหว่างเซ็นทรัลลาดพร้าวมาถึงแดนเนรมิตนี่ติดสาหัสไม่เว้นวัน แต่ก็เป็นช่วงที่ทำให้ผมได้รู้จักเพลงดีๆ และจำได้มาถึงทุกวันนี้ – ยิ่งวันไหนฝนตกด้วยนี่ ยิ่งได้อารมณ์ไปกันใหญ่ – ใครเคยฟังเพลงระหว่างนั่งอยู่ในรถแล้วมองออกไปเห็นสายฝนหยาดลงมาเป็นสายหรือไม่ก็เกาะเป็นเม็ดกับกระจก น่าจะเข้าใจที่ผมกำลังพูดอยู่น่ะนะครับ

สองดาวหน่อยๆ ครับ

(6.5/10)