
นี่คือผลงานหนังโรงใหญ่เรื่องที่ 3 จากค่าย DreamWorks ที่ตอนนั้นยังเป็นน้องใหม่ในวงการอยู่ และชาวบ้านก็จับตากันว่าค่ายนี้จะอยู่รอดแค่ไหน เพราะคนอยู่เบื้องหลังคือ Steven Spielberg เลยนะครับ ตอนนั้นก็อยากรู้เหมือนกันว่าสำนักค่ายหนังของพ่อมดฮอลลีวู้ดจะไปได้ไกลเพียงใด
ตัวหนังนั้นว่าด้วยสองพี่น้องตระกูลสมันช์ เออร์นี่ย์ (Nathan Lane) และ ลารส์ (Lee Evans) ที่ได้รับมรดกเป็นบ้านเก่าๆ หลังหนึ่งจากคุณพ่อ ซึ่งทั้งคู่ก็มีเหตุให้ต้องย้ายมาอยู่ แต่พออยู่ไปก็พบความจริงว่าบ้านหลังนี้ออกแบบโดย ชาร์ลส ไลล์ รารูห์ สถาปนิกและนักศิลปะชื่อดังในอดีต บ้านเลยมีราคาค่างวดสูงขึ้นมาทันที ส้มเลยหล่นใส่สองพี่น้องดังอั๊กใหญ่ๆ และพวกเขาก็ตั้งใจจะขายบ้านหลังนี้ซะ
แต่ก็เกิดปัญหาเล็กๆ จนได้ เมื่อพวกเขาพบว่ามีหนูตัวจิ๋วที่อาศัยอยู่ในบ้านนี้มานานแล้ว ซ้ำยังแสบถึงพริกถึงขิงอีกด้วย สองพี่น้องเลยเห็นตรงกันว่าต้องหาทางเอามันออกไปนอกบ้านให้เร็วที่สุด คนที่มาซื้อบ้านจะได้ไม่เปลี่ยนใจ แต่ที่ไหนได้ ไอ้หนูนี่เก่งเกินคนครับ หนีได้ เอาตัวรอดได้สารพัด สองพี่น้องเลยต้องงัดทุกกลยุทธ์กำจัดหนูออกไปให้พ้นบ้าน
ดูแล้วนึกถึง Home Alone เหมือนกันนะครับ มันก็ออกแนวนั้นน่ะ ตัวหนังก็สนุกใช้ได้เหมือนกัน ฮาดีน่ะครับ แต่ที่ผมประทับใจเป็นพิเศษคือการออกแบบภาพ สไตล์ของประกอบฉากมันดูดีไม่เหมือนใคร ดูศิลป์ผสมแฟนตาซีแต่ก็ติดดินดี ส่วนการเดินเรื่องก็เน้นสนุกเน้นฮาเป็นหลักครับ ในหนังก็มีมุกเดิมๆ แต่ได้ผล อย่างการที่สองพี่น้องวางกับดักไว้งับหนู แต่ดันโดนเล่นเองซะนี่ มุกสไตล์นี้เด็กดูได้ครับ ผู้ใหญ่อย่างผมก็เพลินดี
Lane กับ Evans เล่นเข้าคู่เป็นพี่น้องจอมเซ่อได้เฉียบครับ คนพี่ก็ร้ายแบบตลกๆ ส่วนคนน้องก็ออกแนวต๊องๆ สมองน้อย แต่คนที่ขโมยซีนจริงๆ คือ Christopher Walken ที่มารับบทเป็นซีเซอร์ นักปราบหนูมือโหดที่ดูเหี้ยมจริงจังแบบต๊องๆ ดูไปก็ขำดีครับ
หนังยังแอบหยอดแง่คิดดีๆ ไว้ด้วยนะครับ ในบทสรุปของเรื่องหลังจากคนกับหนูตีกันไปพักใหญ่ๆ ก็ค่อยลงท้ายว่า อันที่จริงแล้วการอยู่ร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยระหว่างคนกับธรรมชาติมันย่อมดีกว่าระรานไล่เหยียบกันเป็นไหนๆ แม้หนังจะเก่าเกือบ 30 ปีมาแล้ว แต่แง่คิดนี้ก็ไม่เลวนะครับ ผมรู้สึกดีเสมอที่ได้ดูหนังที่นำเสนอเตือนใจให้คนอยู่ร่วมกับธรรมชาติอะไรแบบนี้น่ะครับ
ส่วนคนกำกับก็คือ Gore Verbinski ครับ และนี่คืองานแรกของเขา ซึ่งผมก็จับตาเขาทันทีนะครับ กะแล้วว่าต้องเป็นคนดีมีฝีมือ เพราะ Mousehunt เนี่ยสนุกตลกก็จริง แล้วก็ดูเพลินได้สาระดีด้วย แล้วกาลต่อมาพี่ท่านก็ได้ทำ The Mexican, The Ring ก่อนจะตามด้วยไตรภาค Pirates of the Caribbean นับว่าพี่เขาเก่งเอาเรื่องจริงๆ ครับ เก่งในเรื่องการผสมหนังหลายอารมณ์เข้าด้วยกัน กับสไตล์ภาพแบบสวยๆ ศิลป์ๆ แบบไม่ติสจนเกินไป
หนังทำเงินใช้ได้เลยครับ โกยไป $122 ล้านจากทั่วโลก ส่วนทุนสร้างอยู่ที่ $38 ล้านเท่านั้น กำไรสวยๆ ครับ
หนังจัดว่าสนุกสนานไม่เลว ดูแบบแก้เบื่อแก้เครียดได้ไม่เลวเหมือนกัน เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ก็ไม่มีปัญหาครับ ขอเพียงอย่าคิดมาก อย่าเอาเหตุผลนะครับ ไม่งั้นอาจจะหงุดหงิดว่าหนูบ้าอะไรเก่งระดับเทพขนาดนั้น ฉลาดกว่าคนด้วยซ้ำ 555 ผมว่ามันก็กระตุ้นให้เราระลึกดีเหมือนกันนะครับว่าอย่าดูถูกธรรมชาติหรือสิ่งมีชีวิตที่ตัวเล็กกว่า มันอาจมีของมากกว่าที่คิดก็ได้
สองดาวกว่าๆ ครับ

(6.5/10)

หมวดหมู่:Comedy, Movie Reviews










