
เหตุผลหลักที่ดู Willy’s Wonderland ก็เพราะพี่ Nicolas Cage เลยครับ บทคลั่งๆ ขรึมๆ แบบนี้เข้าทางพี่เขาล่ะ
เหตุผลหลักที่ดู Willy’s Wonderland ก็เพราะพี่ Nicolas Cage เลยครับ บทคลั่งๆ ขรึมๆ แบบนี้เข้าทางพี่เขาล่ะ
เหตุผลสำคัญที่ดูสารคดี History of Swear Words ชุดนี้ก็เพราะพี่ Nicolas Cage นี่แหละครับ ยอมรับว่าตอนดูนี่ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เห็นหน้าพี่เขา และหลายวาระก็แอบขำ เพราะพี่ท่านวางมาดเป็นพิธีกรแบบเก๊กๆ วันดีคืนดีก็ปล่อยมุก เป็นอะไรที่ชวนให้ขำดีจริงๆ
Color Out of Space อาจไม่ได้สมบูรณ์แบบเต็มร้อยน่ะนะครับ แต่สำหรับผม (ซึ่งชื่นชอบงานของ H. P. Lovecraft มากๆ) ขอบอกเลยครับว่าอะไรแบบนี้แหละที่ผมอยากเห็นบนจอมานานแล้ว
ดูเรื่องนี้ด้วยเหตุผลเดียวครับ นั่นคือมีพี่ Nicolas Cage ขึ้นชื่อหราอยู่ ก็เลยตามมาดูเพื่อให้กำลังใจตามประสาคนคุ้นเคย
ระหว่างดูหนังเรื่องนี้หัวผมก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า “อันว่าหนังแอ็กชันเนี่ย เรื่องไหนมันส์หรือไม่มันส์ มันวัดกันที่ตรงไหน?”
ว่ากันตรงๆ ที่เอาเรื่องนี้มาดูก็เพราะอยากตามไปให้กำลังใจพี่ Nicolas Cage ในฐานะที่ติดตามกันมานานครับ โดยเผื่อใจเอาไว้แล้วว่าหนังน่ะคงไม่มีอะไรสักเท่าไหร่หรอก แบบหนังพี่ Cage ระยะหลังส่วนใหญ่นั่นแหละ
นิยามได้เลยครับว่าหนังเรื่องนี้ออกแนว “สยอง หลอน เมา” ซึ่งจริงๆ เข้าทางผมนะ แต่ขณะเดียวกันก็เผื่อใจเอาไว้นิดๆ ว่าพอดูแล้วอาจจะไม่ถึงกับชอบมากอย่างที่คาดก็ได้ (ว่าง่ายๆ คือลดความคาดหวังก่อนดูนั่นแหละครับ)
ถือเป็นผลงานอีกเรื่องของ Nicolas Cage ที่อาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่าผลงานอื่นๆ ในอดีต แต่ก็ถือว่าพี่เขาได้แสดงฝีมือในระดับที่น่าพอใจครับ
เรื่องนี้ดูแล้วอึ้งครับ คือจริงๆ แล้วก็ได้ยินมาว่าหนังไม่ใคร่จะเวิร์กสักเท่าไร แต่ไม่นึกว่ามันจะจืดได้ถึงขนาดนี้
ระหว่างดูหนังเรื่องนี้ผมจะนึกถึง Phone Booth เป็นระยะๆ ครับ อาจเพราะทั้งเรื่องนั้นและเรื่องนี้กำกับโดย Joel Schumacher ลีลาบางประการเลยมีความคล้ายคลึงกัน และโทนเรื่องก็ว่าด้วยคนที่ต้องกลายเป็นตัวประกันในพื้นที่จำกัดเหมือนกันด้วย