เรื่องราวดำเนินมาถึงภาค 3 แล้วนะครับ ซึ่งก็ต่อจากภาคก่อนนั่นคือก๊วยเจ๋ง (ฟู่เซิง, Fu Sheng) กับอึ้งย้ง (หนิวหนิว, Niu Niu) มีเหตุให้ต้องประมือกับฝ่ามือเหล็กลอยน้ำ คิ้วโชยยิ่ม (โหลเมิ่ง, Lo Meng)
ทีนี้อึ้งย้งบาดเจ็บสาหัสจากพลังฝ่ามือของพี่คิ้วครับ ก๊วยเจ๋งเลยต้องหาทางรักษานาง จนนำพาเขาไปเจอกับ เอ็งโกว (จิงลี่, Ching Li) สตรีปริศนาที่แนะนำว่าควรพาอึ้งย้งไปให้อ๋องทักษิณ ต้วนตี่เฮง (ตี้หลุง, Ti Lung) ทำการรักษา แล้วการผจญภัยครั้งใหม่ก็เริ่มต้น
ภาคนี้ยังได้กั๊วะจุย (Phillip Chung-Fung Kwok) มาเป็นเฒ่าทารกจิวแป๊ะทงอยู่ครับ ในขณะที่เอี้ยคังมีการเปลี่ยนให้หยูไท่ผิง (Yu Tai Ping) มาแสดงแทน แต่ก็มีบทไม่เยอะครับ มาแค่ตอนต้นแป๊บๆ เท่านั้น
เจียงเซิน (Chiang Sheng) มารับชาวประมง ซู่ตังซัว, ลุฟง (Lu Feng) เป็นคนตัดไม้ เตียเซี่ยวซิว, หวังลี่ (Wang Li) เป็นชาวนา บู๊ซาทง และ ซุนเจี้ยน (Sun Chien) มาเป็นบัณฑิต จูจื้อลิ่ว 4 คนนี้คือองครักษ์ของอ๋องทักษิณนั่นเอง แล้วเรายังจะได้เจอหยางสง (Yang Hsiung) มารับบทเฮ้งเต็งเอี้ยง และเหง่ยคัง (Ni Kuang) กับจางเชอะ (Chang Cheh) ร่วมกันดัดแปลงบท ส่วนจางเชอะก็นั่งเก้าอี้กำกับเช่นเดิม
สิ่งที่ภาคนี้ต่างไปจาก 2 ภาคแรกก็คือ เนื้อเรื่องไม่เยอะครับ ภาคก่อนๆ นี่พยายามเล่าเรื่องหลายช่วงหลายตอนให้จบในเวลา 2 ชั่วโมง แต่ภาคนี้เล่าเรื่องของท่านอ๋องต้วนแบบเน้นๆ จังหวะของหนังเลยไม่เร่งมาก แล้วก็มีวาระได้ลงลึกในเชิงอารมณ์ไม่ว่าจะเรื่องของท่านอ๋องหรือเรื่องของเอ็งโกว ทำให้ผมค่อนข้างจะชอบภาคนี้มากอยู่ เพราะมันค่อนข้างพอดีคำครับ ไม่มากไป ไม่น้อยไป ถือว่ากำลังดี
อีกอย่างที่ชอบคือภาคนี้ฉากไคลแม็กซ์บู๊กันมันส์สุดครับ พอมามองย้อนไปจริงๆ ภาคนี้ไม่มีฉากบู๊ระหว่างทางเลยนะ หลักๆ คือเล่าเรื่องการขึ้นเขาไปหาท่านอ๋อง มีการใช้สมองของอึ้งย้งในการฝ่าด่านต่างๆ แต่แทบจะไม่มีบู๊เลย จนผมก็แอบคิดไปเหมือนกันว่ามันจะมีตีกันบ้างไหมเนี่ย แล้วก็กลายเป็นว่าหนังมาจัดเต็มให้เยอะเอา 10 กว่านาทีสุดท้ายครับ ซึ่งอย่างที่บอกว่าออกมามันส์มาก ส่วนสำคัญก็คงเพราะเหล่า “จอมโหด” ที่มารับบทองครักษ์ท่านอ๋องได้วาดลวดลายใส่กันแบบไม่ยั้ง ตีกันรัว ซัดกันมันส์มากๆ
อันนี้ยอมรับเลยครับว่าชอบ เพราะตีกันพลิ้วและมันส์มากจริงๆ หรือคู่เอกอย่างโหลเมิ่งกับฟู่เซิงก็ถือว่ามันส์ไม่แพ้กัน
ดาราก็เล่นกันได้ดีครับ โดยเฉพาะหนิวหนิวที่ดูเหมาะมากกับบทหญิงฉลาดแบบอึ้งย้ง และภาคนี้เธอก็เด่นเอาการครับ เพราะการฝ่าด่านส่วนใหญ่ก็ต้องใช้ปัญญาของเธอทั้งสิ้น ตี้หลุงก็ดูเหมาะกับบทท่านอ๋องที่บัดนี้ได้กลายเป็นอิกเต็งไต้ซือ ส่วนฟู่เซิงก็ดูนิ่งขึ้น มีความเป็นก๊วยเจ๋งแบบที่คุ้นเคยมากขึ้น
และภาคนี้ก็ยาวแค่ชั่วโมงครึ่งครับ ก็เล่ากันแบบเน้นๆ ซึ่งบางคนอาจรู้สึกไม่ถูกใจหากท่านชอบสไตล์แบบ 2 ภาคแรกที่เล่าเรื่องหลายเหตุการณ์มากกว่า อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ความชอบครับ ส่วนผมก็ได้หมดแหละ 2 ภาคแรกก็ถือว่าโอเค มาภาคนี้ก็ถือว่าใช้ได้ไปอีกแบบ แต่ก็แน่นอนว่ามันคงไม่ลึกและครบอารมณ์เท่าตอนดูเป็นหนังจีนชุดหรอก
ดูมาถึงภาคนี้ โดยรวมผมว่าหนังก็สนุกใช้ได้นะครับ เพียงแต่ผมอาจจะมีภาพจำของฉบับหนังชุดที่เต็มอิ่มถึงขีดกว่า เลยอาจไม่ถึงกับชอบฉบับนี้มากนัก แต่รวมๆ ก็อยู่ในข่ายชอบแหละครับ แค่ไม่ได้มากเท่านั้นเอง
ส่วนตัวผมมองว่าหนังชุดนี้เหมาะที่จะใช้เป็นสูจิบัตรสำหรับใครก็ตามที่ยังไม่เคยดูมังกรหยกมาก่อน แล้วอยากรู้เรื่องแบบคร่าวๆ ก็จัดหนังชุดนี้ไปได้เลยครับ ถือว่าย่อเรื่องมาได้ดี เล่าเรื่องได้โอเค ซึ่งถ้าดูแล้วถูกใจและอยากได้เพิ่มก็ค่อยไปจัดฉบับซีรี่ส์/หนังจีนชุดเอา
สองดาวกว่าๆ บวกๆ ครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:Action, Adventure, Drama, Martial Arts, Movie Reviews, Wuxia












