
นักบวชซูหรูซือ (Tang Ching) ได้ตีดาบเชือดกวางขึ้น อัยเป็นดาบวิเศษที่คนทั้งยุทธภพหมายจะครอบครอง แต่กล่าวกันว่ามีเพียง 2 ยอดฝีมือเท่านั้นที่คู่ควร คนแรกคือ เหลียนเฉินปี (หลิวหย่ง, Tony Liu) แห่งหมู่บ้านไหมทอง และอีกคนคืออาเซียว (ตี้หลุง, Ti Lung) คนพเนจรแห่งยุทธภพ
แต่ก่อนที่ใครจะได้ครอบครองดาบนี้ก็ได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น คนมากมายต้องบาดเจ็บล้มลาย โดยคนลงมืออ้างตนว่าคืออาเซียว ทำให้อาเซียวตัวจริงต้องปรากฏตัวออกมากระชากหน้ากากคนร้ายที่แท้จริง
ก็เป็นการเอาเรื่องราว เซียวจับอิดนึ้ง ของ โก้วเล้งมาดัดแปลงครับ หนังยังรวมดาราไว้คับคั่งเช่นเคยไม่ว่าจะ จิงลี่ (Ching Li) เป็นเหลียนฮูหยิน เฉินปีจุน ผู้ที่กลายมาเป็นตัวแปรทำให้เหลียนเฉินปีและอาเซียวต้องบาดหมางกัน, เหวินเซียะเอ๋อ (Hsueh-Erh Wen) เป็นท่านอ๋องน้อย คนลึกลับที่ชอบอ้างตัวว่าคืออาเซียวแล้วก่อเรื่องราวมากมายในยุทธภพ, หลี่ลี่ลี่ (Lily Li) เป็นแม่นางฟาง โฉมงามที่คิดติดตามร่องรอยของดาบเชือดกวาง
สมทบด้วย ฉีเส้าเฉียน (Norman Chu) ในบทราชันย์ดาบมือซ้ายฮัวปิง, ฮุ่ยอิงหง (Kara Wai) เป็น 1 ใน 12 ดอกไม้แห่งวังยี่ฮัว, หยวนหัว (Yuen Wah) เป็น 1 ใน 4 พี่น้องตระกูลเล้ง ผู้นำส่งดาบเชือดกวาง, หยวนเปียว (Yuen Biao) เป็นหนึ่งในองครักษ์พิทักษ์เหลียนฮูหยินที่รอดจากการโดนท่านอ๋องน้อยฆ่าไปได้น่ะครับ และกู้กวนจง (Ku Kuan-Chung) ท่านหลิว คนที่ฆ่าได้กระทั่งคนในครอบครัวเพื่อลาภยศเงินทอง
เรื่องนี้ผมชอบครับ ดูสนุกดี ของดีอย่างแรกคือทีมดาราที่ถือว่าแข็งปั๋ง หรือส่วนหนึ่งอาจเพราะพอเราเอามาดูในยุคนี้เลยเพลิดเพลินทั้งกับดาราที่มีชื่อในยุคนั้น กับดาราอีกกลุ่มที่ตอนนั้นยังไม่มีชื่อ แต่พอมาตอนนี้พวกเขาก็ถือเป็นระดับตำนานไปแล้ว การได้เห็นพวกเขาผลัดกันขึ้นจอมันก็เป็นอะไรที่เพลิดเพลินดีน่ะครับ

ตี้หลุง ดูองอาจในมาดเคราเฟิ้ม ดูเป็นคนนอกกรอบนอกกระแสที่ไม่แคร์ยุทธภพ ชีวิตไม่ขึ้นกับข้าวของเงินทองใด แต่กระนั้นก็ยังยากที่จะฝ่าด่านหญิงงามไปได้ ส่วน หลิวหย่ง ก็ดูเป็นคุณชายมาดดีที่ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวละครนี้ดูไม่เป็นตัวของตัวเอง อันว่าความมั่นใจของเขานั้นจะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับเครื่องทรงประดับบารมี ไม่ว่าจะชื่อเสียงเกียรติยศ, การได้ชื่อว่าได้ครอบครองดาบเชือดกวาง หรือกระทั่งความซื่อสัตย์ของภรรยาของตนเอง ชีวิตที่ดูมีพร้อมทุกสิ่งของเขาดูเหมือนจะเปราะบางเหลือขนาด จนบางครั้งก็ชวนขัน บางคราก็ชวนสงสาร
ของชอบต่อมาคือคิวบู๊ครับ มีมาเรื่อยๆ และค่อนข้างมันส์ทีเดียว บู๊กันลื่นไหล ฉับไวและเร้าใจไม่น้อย ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของหนัง Shaw Brothers ยุคปลาย 70 – 80 ที่คิวบู๊ต่างๆ เริ่มหลุดจากความเป็นสต็ป เริ่มมีความคล่องแคล่วและตีกันได้มันส์ และหนังเรื่องนี้ตีกันเยอะด้วยครับ เลยมีฉากบู๊แทรกมาให้เราสนุกอยู่เรื่อยๆ
การเดินเรื่องก็นับว่าฉับไวครับ อาจมีช่วงสโลว์ ๆบ้างตอนที่อาเซียวกับเหลียนฮูหยินอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แต่ก็ไม่ได้มากเกินไปจนน่าเบื่อ นอกนั้นหนังใส่เกียร์เดินหน้าเป็นหลัก ตัวละครเจอกันถ้าไม่คุยก็ตีกัน ไม่ค่อยมีฉากเยิ่นเย้อหรือฉากตลกถ่วงเวลา หนังเลยทะยานไปข้างหน้าแบบดูเพลินตลอด
อีกอย่างที่ชอบคืองานฉากครับ ถือว่าสร้างได้ดีตามมาตรฐานของหนังชอว์ และเทคนิคพิเศษในเรื่องก็แพรวพราวใช้ได้โดยเฉพาะช่วงหลังๆ กับฉากตีกันตอนไคลแม็กซ์ พวกควันดรายไอซ์และแสงสีนี่ช่วยเสริมความขลังให้กับตัวร้ายที่เผยตัวในตอนท้ายได้เข้าท่าดี
และเรื่องนี้นี่ผมเรียกได้เต็มปากว่าเป็นหนังผจญภัยครับ เพราะตัวเอกต้องลุยไปเรื่อยๆ ตอนท้ายยังมีเมืองย่อส่วนอันแสนลึกลับมาเป็นอีกหนึ่งปมปริศนา แล้วก็มีการหักมุมอีก ถือว่าหนังตอบโจทย์บันเทิงได้ครบทั้งในแง่ของเนื้อหา คิวบู๊ และงานสร้าง – อันนี้ไม่อิงกับนิยายนะครับ ว่ากันเฉพาะหนัง
สาระสำคัญก็หนีไม่พ้นความเปราะบางของยุทธภพ ที่เพียงแค่มีสิ่งล้ำค่าหรือสูงค่าอะไรสักอย่างหนึ่งผุดขึ้นมา (ในที่นี้คือดาบเชือดกวาง) ยุทธภพก็พร้อมระส่ำ คนพร้อมแก่งแย่งชิงชัย แบ่งฝักแบ่งฝ่าย หาเรื่องเขม่นใส่กัน – บางครั้งการจะสั่นไหวยุทธภพอันยิ่งใหญ่ ก็หาได้ยากเย็นอันใดไม่ เพราะยุทธภพนั้นไซร้พร้อมจะระส่ำด้วยตนเองอยู่แล้ว…
ถือเป็นอีกหนึ่งงานกำกับของ ฉู่หยวน (Chor Yuen) ที่สนุกน่าพอใจครับ เป็นอีกเรื่องเลยที่อยากให้คอหนังกำลังภายในย้อนยุคได้ลองดูกัน
สองดาวครึ่งครับ

(7/10)










