ถัดมานะครับผมก็จะพูดถึง Sherlock Holmes ฉบับปี 1922 ที่นำแสดงโดย John Barrymore แล้วก็ได้ Roland Young มาเป็น ดร. วัตสัน ซึ่งเรื่องราวนั้นเล่าถึงแผนการร้ายของศาสตราจารย์มอริอาตี้ (Gustav von Seyffertitz) นโปเลียนแห่งอาชญากรรมที่มีแผนร้ายระดับสูง ส่วนโฮล์มส์ในตอนนั้นก็ยังเป็นนักศึกษาครับ ดร. วัตสันก็ยังหนุ่มๆ
โดยผูัที่ตกเป็นเหยื่อของมอริอาตี้ก็คือเจ้าชายอเล็กซิส (Reginald Denny) ที่พบว่าตัวเองทำเงินกองทุนก้อนสำคัญหายไป แน่นอนครับว่าเขาต้องรับผิดชอบ ทำให้โฮล์มส์ต้องก้าวเข้ามา แต่กระนั้นเขาก็ไม่อาจเล่นงานอะไรมอริอาตี้ได้ในตอนแรก เพราะเรื่องในครั้งนี้มันมีอะไรซับซ้อนมากกว่าที่เขาคิด
จากนั้นเวลาก็ผ่านไป จากเด็กนักศึกษาที่เคยท่องโลกกว้างไปค้นหาปรัชญาชีวิตก็กลายมาเป็นยอดนักสืบนั่งสูบไปป์อยู่ในห้องเลขที่ 221B ถนนเบเกอร์ และมอริอาตี้ก็กลับมาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้โฮล์มส์ไม่ยอมง่ายๆ เหมือนคราวก่อนครับ เขาลงมือตามสืบและหมายจะพิชิตมอริอาตี้ลงให้จงได้
ครับ นี่คือหนังสืบสวนขาวดำสมัยโบราณ อายุอานามจะ 100 ปีอยู่แล้ว แต่ก็ยังเป็นหนังที่น่าสนใจครับ แน่นอนว่ามันคงจะระทึกเร้าใจตื่นเต้นไม่เท่าหนังสมัยนี้ แต่มันมีเสน่ห์ในแบบของมันหลายอย่าง เช่นมุมกล้องง่ายๆ แบบสมัยก่อนที่ตั้งถ่ายแบบง่ายๆ แต่เก็บภาพรายละเอียดได้ครบ ดูง่ายๆ แต่ก็มีสไตล์ (ผมว่าสมัยก่อนเขาคงไม่คิดว่ามันเป็นสไตล์น่ะครับ แต่พอเอามาดูสมัยนี้ ด้วยความที่เราไม่ชินเลยรู้สึกว่ามันดู “ขลัง” ดี)
ด้านเนื้อหาจริงๆ ไม่เลวเลยนะครับ หนังนำเอาบทละครเวทีปี 1899 ของ William Gillette มาสร้าง ซึ่งบทละครนั้นก็เป็นการยำเอาตอนต่างๆ ของนิยายโฮล์มส์ ได้แก่ A Scandal in Bohemia, The Final Problem และ A Study in Scarlet แล้วก็ใส่ตัวละครนางเอกนามว่า อลิซ ฟอล์คเนอร์ (Carol Dempster) ซึ่งบทของเธอก็อิงอย่างหลวมๆ จากตัวละครไอรีน แอดเลอร์ รักเดียวของโฮล์มส์ในฉบับนิยาย แต่บทอลิซนั้นเธอจะไม่ร้ายกาจเหลี่ยมจัดแบบไอรีนนะครับ ที่บอกว่าอิงคือ อิงลักษณะบางอย่างและอิง “ความรัก” ที่โฮล์มส์มีให้เธอใส่ลงไป
บทถือว่าทำได้ไม่เลวครับ ผมชอบนะที่หนังเปิดตัวโฮล์มส์ฉบับนี้ด้วยการให้โฮล์มส์นอนกลางดินในหมู่บ้านชนบท เขียนปรัชญาที่ตนเองพบ เป็นการเปิดตัวที่น่าสนใจน่ะครับ เพราะเท่าที่จำได้ผมว่าผมไม่เคยเจอโฮล์มส์ฉบับไหนเปิดตัวลักษณะนี้เลย ดูเบาๆ สุขุมๆ แต่ทรงภูมิ และทำให้เราสัมผัสได้ถึง “ความเป็นคนนอกกรอบ” อันเป็นเอกลักษณ์ของโฮล์มส์ด้วย
ในขณะเดียวกันการเปิดตัวมอริอาตี้ก็ถือว่าเก๋าและล้ำยุคพอดูนะครับ เปิดมาหนังก็แนะนำด้วยตัวอักษร (นี่เป็นหนังเงียบนะครับ) ว่ามอริอาตี้คือใคร ร้ายแค่ไหน ก่อนจะฉายให้เราเห็นภาพใยแมงมุมในเงามืด จากนั้นตรงกลางใยเราก็จะค่อยๆ เห็นหน้ามอริอาตี้โผล่ออกมา ผมถือว่าเก๋าเลยนะครับที่คนเมื่อร้อยกว่าปีก่อนคิดภาพทำนองนี้ออกมาได้ คือภาพเดียวสื่อความเป็นจอมบงการของมอริอาตี้ได้ครบ แต่รูปลักษณ์มอริอาตี้นั้นรู้สึกว่าเขาจะจงใจแต่งให้ดูเป็นตัวร้ายน่ะครับ เพราะหน้าตาเขาออกแนว “มิสเตอร์ไฮด์” ยังไงก็ไม่รู้
สิ่งที่ผมชอบคือลีลาสไตล์ภาพอย่างที่บอก แล้วก็พล็อตเรื่องที่จริงๆ น่าติดตามนะครับ มีการหักมุมซ้อนแผนใช้ได้เลย แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับข้อจำกัดประการหนึ่งของหนังสมัยก่อนครับ เนื่องจากมันไม่เร้าใจ ไม่มีความหวือหวา ก็ทำให้เกิดช่วงน่าเบื่อขึ้นมาได้เหมือนกัน
โดยรวมผมเลยออกจะชอบนะครับกับโฮล์มส์ฉบับนี้ เพียงแต่ก็ต้องยอมรับสภาพความอืดไปนิดและช้าไปหน่อยของหนัง ซึ่งคนสมัยก่อนอาจรู้สึกโอเคกับอะไรแบบนี้ แต่กับสมัยนี้มันก็กลายเป็นข้อจำกัดไป
ก็เหมาะสำหรับคนที่อยากดูโฮล์มส์เวอร์ชั่นแรกๆ นะครับ สำหรับคนทำหนังนั้นผมอยากให้ดูนะ เพราะหนังสมัยก่อนผมว่ามีความเด่นในเรื่องภาพเหมือนกันนะครับ ยิ่งหนังเงียบและขาวดำเนี่ย เพราะมันไม่มีเสียงสร้างความเร้าใจ ไม่มีสีดึงดูดอารมณ์ ดังนั้นคนถ่ายทำหนังต้องใส่ใจมากที่จะทำให้ภาพตรงหน้ามันมีพลังพอจะดึงความสนใจคนได้ทั้งหมด นั่นเลยทำให้เราเห็นเทคนิคภาพแปลกๆ ที่มีไว้ดึงความสนใจคนดูพร้อมกับเล่าเรื่องไปในคราวเดียว
ลองดูนะครับ ส่วนดาวที่ผมจะให้นี่คือความคิดของผมที่มีต่อหนัง มันไม่ได้กำหนดคุณค่าอะไรของหนังหรอกครับ แค่ผมรู้สึกว่าหนังมันสนุกและโอเคประมาณนี้
สองดาวครับ
(6/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Black and White Movies, Drama, Mystery, Silent films, Thrillers