ภาคต่อที่ย้อนไปทำเป็นภาคบีกินนิ่งครับ ว่าด้วยตี๋เหรินเจี๋ยวัยหนุ่ม (จ้าวโหย่วถิง, Mark Chao) กับคดีประหลาดที่สะเทือนเมืองหลวง เมื่อมีการพบเห็นเทพมังกร สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นกลางทะเลสร้างความเสียหายให้กับกองทัพเรือของแผ่นดินถังไปอย่างมหาศาล
ซ้ำในเมืองเองก็ยังมีความวุ่นวายเมื่อมีคำร่ำลือว่าเทพมังกรจำแลงกายมาชิงสาวงามแห่งเมือง (แองเจล่าเบบี้) ไป ทั้งหมดนี้ทำให้ตี๋เหรินเจี๋ยต้องลงมือสืบหาความจริง ว่าใครหรืออะไรกันแน่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดนี้
ภาคนี้งานสร้างจัดว่าอลังขึ้นครับ ที่ชอบหน่อยคืองานด้านภาพที่สวยงามไม่เลว ตั้งแต่บ้านเรือนต่างๆ เข้าไปถึงในวัง หรืออย่างฉากสระบัวอันเป็นสถานที่ที่ตี๋เหรินเจี๋ยได้เผชิญกับเทพมังกรเป็นครั้งแรก ฉากนั้นจัดวางสวยดีครับ ยิ่งตอนลงไปใต้น้ำไปเจอรากบัว เจออะไรต่อมิอะไรในบ่อนั้น มันเป็นฉากใต้น้ำที่สวยดีจัง
ด้านคิวบู๊ก็ดีครับ มีลีลาบู๊ที่น่าสนใจ แม้ดาบและอาวุธจะขยันทิ่มกล้องกันเหลือเกิน (เพราะหนังทำออกมาเป็น 3D น่ะครับ) ก็ถือว่ามันส์นะในเชิงแอ็กชัน เวลาควงดาบกันเฟี้ยวฟ้าวมันดูเท่ห์ดีไม่ใช่น้อยครับ ส่วนคดีนั้นจริงๆ ก็ไม่เลวนะครับ มีการวางปม มีการเอาคดีมาซ้อนคดี ดูน่าสนใจไม่น้อย
แต่ถ้าถามว่าชอบไหมก็ขอตอบตามใจคิดว่ายังไม่โดนแบบเต็มๆ อยู่ดีน่ะครับ แม้หลายองค์ประกอบจะเข้าท่า แต่การเดินเรื่องมันยังไม่กระชับ รู้สึกว่าหนังยาวไปน่ะครับ เดินเรื่องช้าไป จริงๆ ซอยอะไรที่ไม่จำเป็นออกแล้วลดเหลือแค่ 100 นาทีก็น่าจะโอเค โชว์แอ็กชันเป็นหลัก แล้วก็ทิ้งปม วางปม ไขปมให้มากเข้า หนังน่าจะออกมาเข้มข้นทีเดียวครับ แต่ที่เป็นอยู่นี่หนังดูอืดไป การตามสืบไขปมก็พลอยไม่เร้าใจตาม กว่าหนังจะโอจริงๆ ก็ปาไปช่วงท้ายเลยครับ
จริงๆ หนังมีจุดน่าสนใจที่ทำให้ผมแอบมีความหวังระหว่างดูเล็กๆ นั่นคือตอนที่ตี๋เหรินเจี๋ยใช้การอนุมานเพื่อเอาตัวรอด ตอนแรกก็นึกว่า “เอาล่ะวะ ลีลาการวิเคราะห์ของตี๋เหรินเจี๋ยมาแล้ว แบบนี้มันต้องมีวิเคราะห์ตามปมและสืบคดีมาเรื่อยๆ แน่นอน” แต่เอาเข้าจริงฉากโชว์เหนือแบบนั้นกลับมีไม่มาก มีอีกทีก็ตอน “รอฤกษ์ด้วยเวลาหนึ่งก้านธูป” นั่นแหละ ที่ดูจะใช้กึ๋นหน่อย นอกนั้นก็พอเข้าใจว่าเป็นการรวมข้อมูลของเฮียตี๋ คอยๆ เก็บข้อมูลดูหลักฐานไป อันนี้เข้าใจ แต่ถ้ามันกระชับเข้า เร่งเร้าอีกหน่อยก็คงดี
ภาคนี้ฉีเคอะยังกำกับครับ ซึ่งคิวบู๊กับเทคนิคพิเศษจัดว่าน่าพอใจ อย่างฉากแรกที่เทพมังกรถล่มทัพเรือนั่นก็ดูสวย ตื่นเต้น และลึกลับไปในเวลาเดียวกัน แต่ก็เข้าอีหรอบเดียวกับภาคแรกน่ะครับที่แม้จะดูเพลินดี แต่ก็ยังดีได้อีก สำหรับภาคนี้การนำเสนอมันยืดเยื้อเกินไป ถ้ากระชับเข้าเป้าผมว่าหนังคงโดนกว่านี้
ส่วนตัวแล้วชอบภาคแรกมากกว่าครับ ของดีของภาคแรกเลยคือทีมดารา ส่วนภาคสองนี่ดาราฟอร์มอาจยังไม่แข็งนัก แต่ก็ถือว่าเล่นได้ดีครับ ไม่ว่าจะเฝิงเส้าเฟิงในบท อี้เฉินเจิ้นจิน คนของหอต้าหลี่ที่บูเช็กเทียนส่งมาไขคดี และหลินเกิงซินในบทซาถัวจง หมอมือใหม่ที่กลายมาเป็นสหายของตี๋เหรินเจี๋ย นอกจากนี้ผมยังชอบในเรื่องของฉาก คิวบู๊ และเอฟเฟคท์ แต่จุดอ่อนที่มีของทั้งสองภาคก็คล้ายๆ กัน คือบทยังไม่ลงตัวเต็มที่ อีกทั้งการเดินเรื่องยังไม่กระชับ เลยทำให้ยังไม่เร้าใจเต็มร้อย
แต่อย่างน้อยหนังก็ทำเงินดีล่ะครับ โกยไปไม่ต่ำว่า $98 ล้านเหรียญจากทั่วโลก ถ้ามีภาค 3 ตามออกมาผมก็พร้อมดูครับ เพราะแม้จะไม่ถึงกับชื่นชอบถูกใจ แต่ก็ดูได้เพลินๆ ไม่ผิดหวัง แต่ก็ขอกระซิบแนะนำครับว่าถ้าอยากเห็นตี๋เหรินเจี๋ยจัดเต็มในการสืบสวนและใช้ปัญญาบริหารสมองล่ะก็ ต้องอ่านนิยายเลยครับ มันเข้มข้นสนุกทุกหน้า แอ็กชันมีน้อยแต่วิเคราะห์คดีมีเยอะจนจุใจคอนิยายแนวสืบสวนแน่นอน
สองดาวครับ
(6/10)