รีวิวหนัง/ภาพยนตร์

Chronos (1985), โครโนส อัศจรรย์แห่งพิภพ

00496ca1

ผมเคยแนะนำหนังสารคดีชั้นยอดเรื่อง Koyaanisqatsi ไปเมื่อนานมาแล้วนะครับ นั่นถือเป็นหนังที่บุกเบิกสารคดีแนวถ่ายทอดด้วยภาพอันทรงพลังของสิ่งต่างๆ บนโลก โดยไม่มีบทบรรยายแม้แต่คำเดียว มีเพียงดนตรีที่ทรงพลังไม่แพ้กันดำเนินคลอไปจนจบ

ซึ่งหนังเรื่องที่ว่านั้นก็ถ่ายภาพโดยชายชื่อ Ron Fricke ที่ถือเป็นตากล้องระดับพระกาฬอีกคนของวงการครับ ถึงขนาดว่า George Lucas ยังต้องมาเชิญไปช่วยถ่ายทำฉากที่อนาคินบู๊กับโอบิวันใน Star Wars Episode III: Revenge of the Sith ฉากตรงภูเขาไฟนั่นแหละครับ ฝีมือเขาเองล่ะ

หลังจากการถ่ายภาพให้ Koyaanisqatsi ในปี 1983 Fricke ก็สนใจจะทำหนังของตนเองบ้างครับ เป็นแนวสารคดีทรงพลังที่ไร้โวหาร ใช้แต่ภาพและดนตรี

แต่ธีมหลักของเรื่องจะต่างออกไป โดย Koyaanisqatsi จะสื่อถึงภาพของโลกที่ขาดสมดุลย์ โลกที่กำลังเข้าสู่สภาวะเสื่อม ในขณะที่ธีมของ Chronos นี้จะเป็น The Celebretion of Life หรือการฉลองความมหัศจรรย์ของโลก โดยใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบ Time-lapse Photography ซึ่งก็คือการตั้งกล้องถ่ายไว้ยาวๆ แล้วพอเอามาใส่ในหนังก็จะเร่งเวลาขึ้นให้เราเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกท่านคงคุ้นกันดีนะครับ อย่างภาพที่ฉายให้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกแบบไวๆ นั่นแหละ

ผมว่าก็จริงนะ อารมณ์ของสารคดีนี้มันไม่ได้สะท้อนแง่มุมประเภทวิพากษ์โลก หรือด้านมืดของโลก แต่หนังเรื่องนี้ให้อารมณ์ว่าเราเป็น “ผู้สังเกตการณ์โลก” และการนำเสนอก็จะไม่เน้นการร้อยเรียงสื่อความ แต่จะเน้นให้เราเห็นการเคลื่อนเลื่อนไหลของโลก เห็นกระแสแห่งชีวิตที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง โดยหากจะมองในเชิงพุทธสักหน่อย ก็จะทำให้เราเห็นความไม่เที่ยง ความไม่แน่นอนของโลกแบบชัดเจนยิ่งขึ้นนั่นเอง

หรือหากเรามองในแง่ของความงดงาม มองในแง่ของความอัศจรรย์ก็สามารถมองได้ครับ อัศจรรย์ไปกับความยิ่งใหญ่ของโลก ตั้งแต่ตึกรามบ้านช่องไปจนถึงประติมากรรมขนาดยักษ์ที่เก่าแก่ แม้สิ่งเหล่านี้จะผุพังสลายไปตามกาลเวลา แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนเราก็มีความเก่งและมีความพยายามไม่น้อยเหมือนกันครับ ถึงสามารถทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ โดยส่วนใหญ่ในหนังสารคดีเรื่องนี้เราจะได้เห็นสิ่งก่อสร้างของมนุษย์ มากกว่าจะเป็นธรรมชาติพงไพรแบบสารคดีเรื่องอื่นๆ

สิ่งที่เราจะได้เห็นก็อาทิเช่น ภาพสถานที่ต่างๆ ที่ยืนตระหง่านไม่ไหวติง จะมีก็แต่คนนี่แหละครับที่ใช้ชีวิตเดินผ่านไปมาอย่างไม่หยุดนิ่ง เหมือนสื่อให้เห็นถึงภาพชีวิตคนที่เลื่อนไหลไปใต้ตึกอาคารทั้งหลายที่เราก่อร่างสร้างขึ้น ในมุมหนึ่งเราอาจเป็นเหมือนเจ้านายผู้ให้กำเนิด แต่เอาเข้าจริงเราก็ต้องพึ่งพาสิ่งที่เราสร้างขึ้น หาใช้ผู้กุมชะตามันอย่างถาวรไม่

หนังมีซีนดีๆ ให้เห็นมากมายครับ อย่างภาพชายหาดที่แห้งเหือด แล้วพอถึงช่วงน้ำขึ้นมันก็ค่อยๆ มีน้ำเติมขึ้นมา เติมขึ้นมาจนชายหาดกลับมาเต็มไปด้วยน้ำอีกครั้ง หรือได้เห็นก้อนเมฆท่องไปทั่วหล้าอย่างเป็นระเบียบและมีทิศทาง (ตามนิยามของก้อนเมฆนะครับ เพราะระเบียบของเรากับระเบียบแห่งก้อนเมฆหรือธรรมชาติอาจไม่ตรงกัน)

แต่ผมชอบตอนซีนเร้าอารมณ์มากเป็นพิเศษ เป็นซีนที่เราจะได้เห็นคนเดินกันแบบ Fast Forward ตามที่ต่างๆ ตอนแรกก็เร็วระดับหนึ่ง จากนั้นก็เร็วขึ้นๆๆๆๆๆๆ แล้วดนตรีก็ยังมาเร็วขึ้นๆๆๆๆๆ ตามไปอีก ซีนที่ว่านี่ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงใจตนเองที่เต้นถี่รัวตาม แต่ทั้งหมดทั้งปวงนี้เป็นไปในอารมณ์เชิงบวก เชิงฉลองความมหัศจรรย์แห่งชีวิตและแห่งโลกจนเราก็อดรู้สึกดีไม่ได้ที่เราเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้

อีกหนึ่งสารคดีที่ไม่ผิดหวังครับ ถ้าชอบสไตล์นี้ขอแนะนำเลยครับ

สามดาวครับ

Star31

(8/10)

d1652151cae187b9f46702dc28dc0b4c