รีวิวหนัง/ภาพยนตร์

Mars Attacks! (1996) มาร์ส แอทแทคส์! สงครามวันเกาโลก

1367148376

มนุษย์ดาวอังคารขี่จานบินมายึดโลก ไล่ล้างผลาญมนุษย์ ก่อนชาวโลกจะหาทางโต้กลับ… จบแล้วครับ

นี่คือหนังมนุษย์ต่างดาวยึดโลกที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ จริงๆ คือมันเหมือนหนังเอเลี่ยนบุกโลกยุค 50 น่ะครับ พล็อตง่าย เน้น Effect ตัวละครมีบุคลิกเกินๆ ล้นๆ หรือไม่ก็มาพร้อมบุคลิกนิ่งเว่อร์ๆ จนชวนให้ขำเพราะเล่นได้แข็งเกิ๊น เรียกว่าเป็นองค์ประกอบแน่้นปั๋งสไตล์หนังเกรดบีเลยล่ะครับ แล้วก็บวกด้วยการขนดาราดังๆ มาเยอะๆ ตามสูตรสำเร็จหนังหายนะของ Irvin Allen (แห่ง The Towering Inferno และ The Poseidon Adventure)

พูดเหมือนหนังไม่มีอะไรเข้าท่านะครับ แต่ก็พูดได้เต็มปากว่า ผมชอบ ด้วยเหตุผลประการสำคัญว่า “Tim Burton เป็นคนปรุงมาเสิร์ฟ” ครับ

หนังอาจไม่ได้สนุกมากมาย ไม่ได้เจ๋งตื่นตาแบบ Independence Day พล็อตก็ไม่ได้ซับซ้อนจริงจัง ความอลังก็ไม่มากมาย ความลงตัวอาจยังไม่เพียงพอ แต่มันก็จัดว่าสนุกแบบเพี้ยนๆ สไตล์ พี่ Tim น่ะครับ มีมุขขำๆ และอารมณ์ขันสอดแทรกจิกกัดสารพัดสิ่ง ดูไปก็มีตั้งแต่ขำหึหึยันขำก๊ากก๊าก แต่อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ความชอบของคนด้วยครับ ว่าง่ายๆ คือต้องคุ้นกับสไตล์เพี้ยนแบบพี่ Tim นั่นแหละครับ

ดังนั้นแม้ผมจะชอบ แต่ผมก็คงไม่แนะนำว่ามันเหมาะสำหรับทุกคนหรอกครับ แต่ถ้าจะบอกว่าเหมาะสำหรับคนที่คุ้นกับงาน พี่ Tim เท่านั้นมันก็คงไม่ใช่ เพราะไม่แน่ว่าคุณอาจจะหลงเสน่ห์ความเพี้ยนของพี่ Tim เอาตอนดูเรื่องนี้ก็ได้…

เอาเป็นว่าถ้าคุณไม่ชอบสไตล์หนังของพี่ Tim หนังเรื่องนี้อาจไม่เหมาะกับคุณครับ แต่ถ้าคุณชอบหรือไม่เคยสัมผัสงานแกมาก่อน ผมอยากให้ลองดูสักรอบครับ เผื่อมันจะโดนต่อมติสท์ที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ในตัวคุณ (แบบที่ผมเคยโดนมาก่อน 5555)

ถ้าถามว่าผมชอบตรงไหนก็เริ่มจากเหล่าดาราที่ยกกันมาพร้อมคาแรคเตอร์เพี้ยนๆ สุดโต่งๆ เริ่มจาก Jack Nicholson ในบทท่านประธานาธิบดีเจมส์ เดล ที่หน้าตาท่าทางพี่แกมีอำนาจนะครับ แต่การตัดสินใจนี่หน่อมแน้ม บางคราวก็ดูอินโนเซนซ์ไปเลย ความคิดตัวเองก็มีไม่เยอะ ส่วนมากก็ตามคนนั้นทีคนนี้ทีตามแต่ใครจะเสนอมา และที่ลืมไม่ได้คือต้องห่วงคะแนนนิยมและหวงเก้าอี้ครับ เป็นการกัดคนระดับผู้นำที่น่าสนใจไม่น้อย และนอกจากนี้ Nicholson ยังรับบทเป็น อาร์ท แลนด์ เจ้าของบ่อนคาสิโนในลาสเวกัสที่คิดแต่จะหาเงิน ขนาดชาวอังคารมาถล่มก็ยังวางแผนเตรียมรถลีมูซีนรับน่ะครับ เป็นบทที่เพี้ยนและต๊องได้ที่จริงๆ

Glenn Close มารับบทเป็นท่านผู้หญิงมาร์ชา เดล รายนี้ก็เอาแต่ตกแต่งทำเนียบขาว, Annette Bening ในบทบาร์บาร่า แลนด์ ภรรยาของอาร์ทน่ะครับ บทนี้ก็เหมือนจะสร้างมาเพื่อกัดเหล่าคนหัวอ่อนที่เชื่ออะไรง่าย พอข่าวออกมาอย่างหนึ่งก็เชื่ออย่าง พอข่าวเปลี่ยนก็เชื่ออันใหม่ และบางทีก็มองโลกแง่ดีจนเหมือนจะไร้สมองเกินไป, Pierce Brosnan ในบทศจ. โดนัลด์ เคสเลอร์ นี่ก็เป็นนักวิทยาศาสตร์จอมมองโลกแง่ดีอีกคน ที่เลือกจะประกาศข่าวมนุษย์ต่างดาวผ่านทางรายการทอล์คโชว์มากกว่าจะนั่งแถลงในรายการ 60 Minutes

Danny DeVito มารับบททนายที่บ้าพนันทั้งวัน และพร้อมหาเงินทุกวิธีแม้จะต้องเป็นทนายให้ชาวอังคารก็ตาม (เอาเข้าไป), Martin Short เป็นเจอร์รี่ รอส โฆษกประจำทำเนียบขาวที่หื่นกามแบบไม่รู้เวล่ำเวลา. Sarah Jessica Parker เป็น นาตาลี เลค พิธีกรสาวที่ ศจ. โดนัลด์ไปออกรายการ และรายนี้ก็มองทุกอย่างสีชมพูไปหมด, Michael J. Fox เป็น เจสัน สโตน แฟนของนาตาลีและเป็นนักข่าวจอมจริงจังอีกคน, Rod Steiger เป็นนายพลเดคเกอร์ ที่คิดแต่จะอัดมนุษย์ดาวอังคารด้วยอาวุธทุกชนิด ส่วน Paul Winfield เป็นนายพลเคซี่ย์ ที่ถือเป็นขั้วตรงข้ามกับนายพลเดคเกอร์ครับ เพราะขานี้คิดแต่จะต้อนรับชาวอังคารด้วยความเป็นมิตรอย่างเดียว

Jim Brown เป็นไบรอน วิลเลี่ยมส์ ตัวละครที่น่าจะถือว่าปกติที่สุดและเป็นคนดีที่สุดในเรื่องแล้วน่ะครับ เขาเป็นอดีตนักมวยตกอับที่หวังจะกลับบ้านไปคืนดีกับภรรยา (Pam Grier), Natalie Portman รับบทแทฟฟี่ ลูกสาวท่าน ปธน. รายนี้ก็เหมือนจะปกติครับ ซ้ำยังฉลาดด้วย, Lukas Haas เป็น ริชชี่ นอร์ริส หนุ่มจ๋องกรอดที่แม้จะไม่สู้คนแต่ก็เป็นคนดีครับ รักคุณย่าของเขา (Sylvia Sidney กับผลงานหนังโรงเรื่องสุดท้ายของเธอ) อย่างสุดหัวใจ

Lisa Marie ในบทชาวดาวอังคารที่ปลอมตัวมาในร่างหญิงสาว ว่ากันว่า Marie แสดงบทนี้โดยไม่มีการกระพริบตาเลยครับ ประมาณว่าเพื่อให้สมจริงที่สุด ซึ่งเธอก็ดูเพี้ยนประหลาดจริงๆ, Jack Black เป็น บิลลี่ เกลน นอร์ริส นายทหารชั้นผู้น้อยที่หวังจะมีอนาคตในกองทัพ แต่พอดีสมองพี่แกไม่มีเยอะเท่าไร และ Tom Jones นักร้องชื่อดังมาแสดงเป็นตัวเองตามคำเชิญของพี่ Tim ครับ

เนี่ยครับ แต่ละคนมาเพี้ยน มาหลุด มาบ๊องกัน ซึ่งมันก็ขำประมาณหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ฮาแตกกระจายเท่าหนังอย่าง Scary Movie นะครับ เหมือนจุดประสงค์เป็นการ “ล้อความเยอะ ความเพี้ยน หรือนิสัยไม่ดีของคนบางอาชีพ บางฐานะ” ความขบขันจึงออกแนวเสียดสีมากกว่าจะขำแบบหนังตลกทั่วไป

mars_attacks_ver1_xlg

หลายคนมองว่าหนังออกมาในเชิงล้อ Independence Day แต่จริงๆ โปรเจคท์นี้เริ่มตั้งแต่ปี 1993 แล้วครับ งานนี้ถือกำเนิดด้วยมือของ Jonathan Gems ครับ เขาเคยร่วมงานเกลาบทหนัง Batman แบบไม่รับเครดิตให้ Tim Burton มาก่อน จากนั้นเขาก็ไปได้ไอเดียทำหนังเรื่องนี้ตอนไปเห็นการ์ดสะสมรุ่นเก่าของ Topps ชุด Mars Attacks และ Dinosaurs Attack! แล้วเขาก็เอาไปให้พี่ Tim เลือก ว่ากันว่าตอนแรก พี่ Tim สนใจชุด Dinosaur ครับ แต่พอไปเช็คก็พบว่าชุดนี้มันหลุดลิขสิทธิ์ไปแล้ว อีกอย่างแนวทางมันจะไปซ้ำ Jurassic Park มากเกินไป สุดท้ายทุกคนก็หันไปหาชุด Mars Attacks ก่อนจะพัฒนาเป็นบทหนังอย่างที่เราได้ดูกัน

ครับ ถ้าว่าตรงๆ คือจุดอ่อนสำคัญของหนังคือเนื้อเรื่องที่ดูโล่งๆ แต่ก็เป็นเจตนาประการหนึ่งของพี่ Tim ที่เขาตั้งใจครับ เนื่องจากเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขารับทำหนังเรื่องนี้ก็เพื่อจะได้มีโอกาสทำหนังเกรดบีต่าวดาวบุกโลกแบบหนังยุค 50 เพื่อเป็นการคารวะ Edward D. Wood, Jr. ผู้กำกับที่ได้รับการขนานนามว่าทำหนังได้แย่ที่สุดในโลก แต่พี่ Tim ชอบมากครับ ถึงขั้นเอาเรื่องราวของเขามากำกับเป็นหนังในชื่อ Ed Wood มาแล้ว

ดังนั้นความโล่ง ความเพี้ยน อุปกรณ์ประกอบฉากที่ดูเก่าๆ อย่างเครื่องแปลภาษาอานาล็อก, จานบินรุ่น “จานประกบ”, เครื่องแต่งกายหลุดยุค และของโบราณอีกมากมายที่ถูกใส่ลงมาในฉาก ทั้งหมดก็เป็นไปตามความต้องการของพี่ Tim นั่นล่ะครับ ซึ่งถ้าคนรับได้ก็จะสนุกไปกับไอเดียเพี้ยนๆ ของพี่แกครับ สังเกตว่าแกจะเอาอะไรโบราณดูไม่เข้ากันมาเข้าฉากเมื่อไร แต่แน่นอนครับว่าถ้าคนไม่เก็บหรือไม่คุ้นก็อาจมองว่าหนังดูไม่ลงทุน เชย และพานไปชอบหนังไปเลยก็มี

ดนตรีประกอบก็ได้ Danny Elfman มาแต่งเช่นเคยครับ หลังจากเคยแยกทางกันไปหลังทำ The Nightmare Before Christmas ที่ความเห็นไม่ตรงกัน อันเป็นสาเหตุให้หนังเรื่อง Ed Wood ไม่มี Danny Elfman มาร่วมงานในฐานะคนทำดนตรี แต่ยังไงความเป็นเพื่อนก็ไม่จางหายครับ หลังจากเรื่องนี้พี่แกก็ร่วมงานกันด้วยดีตลอดมาจนปัจจุบัน

ในหนังยังมีลูกเล่นอารมณ์ขันเพี้ยนๆ สไตล์พี่แกอีก เช่นเวลาคนถูกมนุษย์ดาวอังคารยิงแล้วจะเหลือแต่กระดูก ซ้ำกระดูกยังเป็นสีเขียวสีแดงด้วย ซึ่งเหตุผลที่พี่ Tim ให้ก็เพราะ หนังมันฉายช่วงคริสต์มาสครับ เขาเลยตั้งใจให้โทนสีในเรื่องมันเข้ากับบรรยากาศเทศกาล สีเหมือนต้นคริสต์มาสประดับไฟน่ะครับว่างั้นเถอะ… คิดได้เน้อพี่ (แต่จริงๆ พี่ Tim เคยใช้่กระดูกคนสีแดง-เขียวมาแล้วครั้งหนึ่งครับ ในหนัง Beetlejuice)

ว่ากันว่าจริงๆ แล้วบทหนังจะมีอะไรเยอะแยะมากกว่าที่เห็นครับ อีกทั้งฉากการทำลายล้างที่ต้องลงทุนเยอะกว่า อย่างฉากทำลายทำเนียบขาวและตึกเอ็มไพร์ สเตท ตามด้วยการใส่ดาราที่มีชื่อลงมาประมาณ 60 คน และหนังจะถ่ายทำให้เราเห็นเหตุที่เกิดทั่วโลก เช่นในญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์, จีน, ยุโรป, แอฟริกา, อินเดีย และ รัสเซีย ซึ่งสะระตะแล้ว พี่ Tim ขอทุนไปที่ Warner Bros. ประมาณ 260 ล้านเหรียญครับ เรียกว่าแม้จะเล่าหนังสไตล์เกรดบีแต่ก็มีรายละเอียดเยอะจนสาแก่ใจคนชอบหนังแนวนี้ แต่ทางสตูดิโอแทงเรื่องกลับมาว่าลงทุนสัก 60 ล้านเหรียญน่าจะดีกว่า ทำให้มีการปรับเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่างแล้วออกมาอย่างที่เห็นครับ

ด้านนักแสดงนั้นตอนแรกบทประธานาธิบดีมีการหมายตา Warren Beatty ไว้ครับ แต่เขาก็บอกปัด คนต่อมาที่ถูกหมายตาก็คือ Paul Newman แต่รายนี้ก็บอกปัดเพราะรู้สึกว่าบทหนังมีความรุ่นแรงมากเกินไป บทเลยเป็นของ Nicholson ครับ ส่วนบทบาร์บาร่า แลนด์ตอนแรกก็มีการเล็ง Susan Sarandon ไว้, บท ศจ. โดนัลด์ เคสเลอร์ ก็มีการทาบทาม Hugh Grant, ส่วนบทสุภาพสตรีหมายเลข 1 ก็มีดารารุ่นใหญ่อย่าง Meryl Streep, Diane Keaton และ Stockard Channing อยู่ในโผ ก่อนที่ Close จะถูกเลือกเพราะเหมาะสมที่สุด

และบทเจสัน สโตนตอนแรกก็ถูกสร้างมาเพื่อ Johnny Depp ครับ แต่ Depp ก็ปฏิเสธไป จนเป็นที่กล่าวขานกันว่านี่คือบทแรกและบทเดียวในหนัง พี่ Tim ที่ Depp บอกปัด

ผมจำความรู้สึกตอนดูรอบแรกได้นะครับ ยอมรับว่าออกจะแปลกๆ มีทั้งจุดที่ชอบและไม่ชอบผสมปนเปกัน ที่ชอบคือความเพี้ยน ตัวละครล้นๆ Effect สวยๆ ของโบราณๆ เต็มไปหมด และมุขตลกร้ายๆ แต่ที่ออกจะเฉยๆ คือเรื่องราวที่ยังไม่ดึงดูดเต็มที่ ทำให้ความสนุกลงตัวยังไม่มาก ไปๆ มาๆ เหมือนหนังโชว์ความเพี้ยนน่ะครับ ไม่เน้นบทหรือความจริงจัง ซึ่งดูๆ ไปก็ชวนให้นึกถึง Dark Shadows ครับ มาอีหรอบประมาณเดียวกันเลยครับ ล้วนแต่เป็นหนังที่เต็มไปด้วยดาราดีๆ ฉากสวยๆ Effect แนวๆ และของดีเต็มไปหมด ยกเว้นบทที่ยังดีได้อีก (ดันมาเบาเอาของสำคัญซะด้วย)

สองดาวใกล้ครึ่งครับ

Star21

(6.5/10)