Action

The One (2001) เดอะวัน… เดี่ยวมหาประลัย

MV5BNTgxNTkzOTU2NF5BMl5BanBnXkFtZTYwMjcwNjQ5._V1_

แนวคิดเรื่องมิติคู่ขนานนั้นเป็นอะไรที่คอไซไฟน่าจะคุ้นเคยกันมานานพอตัวนะครับ ซีรี่ส์ที่ทำให้ผมคุ้นเคยแนวคิดนี้ก็คือ Sliders ที่เหล่าตัวเอกต้องเดินทางข้ามมิติคู่ขนาน หาทางกลับมิติดั้งเดิมที่ตัวเองอยู่ ก็เลยต้องไปเผชิญกับโลกในมิติอื่นๆ ซึ่งมีทั้งที่ปกติและแปลกกว่าโลกเดิมที่พวกเขาเคยอยู่

ซีรี่ส์ที่ว่านี้สนุกมากครับ เมื่อนานมาแล้วช่อง 3 เคยเอาปีแรกมาฉายอยู่ แล้วก็ถึงปี 2 มั้ง แต่พอไม่ได้รับความนิยมก็เลยไม่มีใครซื้อเอามาฉายอีก น่าเสียดายเหมือนกันครับ

แล้วคู่หู Glen Morgan กับ James Wong ก็จับเรื่องนี้มาทำเป็นหนังเรื่อง The One สมัยนั้นจำได้ว่าอยากดูมากอยู่ครับ อยากรู้ว่าสองคนนี้จะมีแง่มุมมันส์ๆ ใหม่ๆ มาผสมกับลีลาแอ็กชันของ Jet Li หรือ หลี่เหลียนเจี๋ยได้หรือไม่

แล้วหนังก็เล่าให้เราได้รู้ว่าโลกเรามีมิติคู่ขนานอีก 124 มิติ (รวมโลกนี้ด้วยก็เท่ากับมี 125 มิติ) ซึ่งทุกมิติก็จะมีโลกอยู่น่ะครับ แล้วก็จะมีตัวเราประจำอยู่ในโลกนั้นๆ แต่ปัญหาคือเกิดมีวายร้ายที่ชื่อว่า ยู ลอว์ (Jet Li) ได้ทราบความลับว่า เมื่อเขาสามารถคร่าตัวตนในแต่ละมิติลงไป 1 คน พลังเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งส่วน ดังนั้นแทบไม่ต้องคิดเลยว่าถ้าเขาฆ่าตัวเองในทุกมิติให้หมด พลังเขาจะไร้เทียมทานที่สุดในทุกมิติ อันจะทำให้เขามีอำนาจทำได้ทุกอย่าง

แม้ทางการจะรวบตัวเขาได้ครับ แต่หมอนี่ก็ไหวพริบเยอะมากจนหนีไปได้อีก ไปถึงมิติสุดท้ายที่ยังมีตัวตนเขาอยู่ ตัวเขาในมิตินี้เป็นตำรวจครับ ชื่อ เกเบรียล ลอว์ (Li อีกนั่นแหละ) ถ้ายูฆ่าเขาได้ ก็จะไร้เทียมทานใน 125 โลก

แต่เรื่องก็ไม่ง่ายครับ เพราะทางตำรวจระหว่างมิติก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่แฮร์รี่ โรเดคเกอร์ (Delroy Lindo) และ อีแวน ฟันช์ (Jason Statham) ลงมาปกป้องเกเบรียลและตามล่ายูด้วย

874e97db43f117b197215040dccad56f7572bd98

ก็ต้องมาลุ้นกันครับ ว่าท้ายที่สุดแล้ว The One หนึ่งเดียวในโลกทั้ง 125 มิติจะเป็นคนดีอย่างเกเบรียล หรือคนชั่วสุดขั้วอย่างยูกันแน่

ช่วงแรกหนังเปิดตัวได้น่าสนใจดีครับ ลีลาบู๊แอ็กชันของ Jet Li มาผสมกับ Effect ภาพสโลว์ได้ไม่เลว แต่สักพักหนังก็เริ่มเข้าเส้นทางที่เดาได้แล้วครับ ฉากบู๊แม้จะมีมาเป็นระยะแต่ก็ไม่ได้จับใจเท่าบู๊สโลว์เท่ห์ๆ ตอนต้นเรื่องแล้ว ไปๆ มาๆ ผมกลับชอบลีลาของอาเจี๋ยจาก Kiss of the Dragon หนังบู๊ที่ฉายในระยะไล่ๆ กันของเขามากกว่าอีก

อาเจี๋ยมาพร้อมสองบทบาท ก็โอเคนะครับ แววตาท่าทางเขาแยกแยะคนดีคนร้ายได้เหมาะ ตอนร้ายก็ดูคลั่งโหดดี ส่วนตอนดีก็ดูซื่อๆ จนบางทีรู้สึกแกจะบื้อๆ ด้วย แต่ถ้าว่ากันถึงเรื่องคาแรคเตอร์แล้วอาจจะยังไม่สุดเท่าไร แต่ก็มาไว้ใจได้หน่อยตรงลีลาบู๊นี่แหละครับ

อดคิดไม่ได้เหมือนกันครับว่าถ้า เดอะ ร็อค หรือ Dwayne Johnson โดดมาเล่นจะเป็นอย่างไร… คืออย่างนี้ครับ แรกเริ่มเดิมทีคนที่จะมาแสดงบทพระเอกคือเดอะ ร็อคของเรานี่แหละครับ แต่พอถึงจุดหนึ่งเขาก็เปลี่ยนใจไปเล่น The Mummy Returns แทน แล้วบทก็มาสู่มือของอาเจี๋ยในที่สุด

ส่วน 2 เจ้าหน้าที่ก็เป็นบทสมทบได้ดีครับ Lindo อาศัยความเก๋าเอาตัวรอดไปได้ ส่วน Statham ที่ช่วงนั้นยังไม่ดังก็เลยอาจจะยังไม่เด่นเท่าไร แต่ที่น่าเสียดายหน่อยคือ Carla Gugino ที่บทน้อยกว่าที่คิด แม้จะมีความสำคัญกับเรื่องราว แต่บทน้อยจนแอบเสียดายจัง

ดนตรีประกอบของ Trevor Rabin ตอนแรกก็เหมือนจะเร้าใจนะครับ แต่พอมาตอนหลังก็ธรรมดาอีกเหมือนกัน รู้สึกว่าหนังมันมีช่วงต้นเรื่องที่น่าสนนะครับ แต่พอเดินเรื่องไปพักหนึ่งกลับไม่ค่อยมีลูกเล่น อาจเพราะมันไม่ค่อยมีเนื้อหาอยู่แล้ว แต่ก็ต้องลากให้มันยาวครบ 87 นาที ก็เลยมีช่วงอืดแบบไม่ตั้งใจขึ้นมา

จริงๆ ออกจะเสียดายครับ เพราะลูกเล่นเกี่ยวกับโลกคู่ขนานน่ะเล่นได้เยอะมาก อย่างในซีรี่ส์ Sliders เป็นต้น เล่นอะไรได้หลากหลายตั้งแต่มิติตัวละคร เรื่องระหว่างมิติ หรือรายละเอียดลูกเล่นเชิงไซไฟ แต่พอมาเรื่องนี้กลับธรรมดา ไม่มีอะไรหักมุม ได้แต่ลุ้นว่าเมื่อไรอาเจี๋ยจะต่อยกับตัวเอง ซึ่งไคลแม็กซ์ที่สองคนสู้กันเองก็ไม่เลวครับ เพียงแต่ตลอดทั้งเรื่องมันธรรมดามาเรื่อยๆ ไคลแม็กซ์เลยไม่ถึงอารมณ์เท่าไร

เสียดายแทนคู่หู Morgan กับ Wong ครับ ตอนนั้นได้ชื่อไปพอตัวจากการทำ The X-Files แล้วก็มาดังซ้ำจาก Final Destination ภาคแรก แต่กลายเป็นว่าก้าวต่อมาของพวกเขากลับไม่โดดเด่นเท่าที่ควร แล้วหลังจากแยกทางกันเดินก็กลายเป็นเงียบหายกันไปเลย

แต่กระนั้นนะครับ ถ้าไม่คิดอะไรมาก ผมว่าฉากต่อสู้แอ็กชันมันก็ดูได้ แก้เบื่อเพลินๆ สบายๆ… แต่พอมานึกอีกที ผมว่าดู The Transporter ของเฮีย Jason Statham จะตอบสนองความมันส์ได้ถึงใจกว่าครับ

สรุปว่าถ้าไม่คิดมาก ก็ไม่เลวที่จะได้เห็นอาเจี๋ยตีกับตัวเองครับ

สองดาวครับ

Star21

(6/10)