เฮ่อ รู้มั้ยครับผมลงโพสต์ไว้ล่วงหน้าเพราะกะว่าผมน่าจะได้กระหน่ำพิมพ์ตั้งแต่เมื่อคืนวาน แต่ปรากฎไม่รู้ทำไมจู่ๆ เครื่องที่บ้านเฮี้ยนครับ ต่อเน็ทไม่ได้เฉย เลยยาวครับ กว่าจะได้เขียนก็ล่อมาข้ามวันนี่แหละ
อย่างน้อยวันนี้ก็ได้เขียนต่อให้ซะทีนะครับ กับหนังเก่าอีกอันหนึ่งนะ (25 ปีแล้วเหรอเนี่ย เหอๆๆๆ รู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นมาในทันใด) ที่ได้พี่ Arnold Schwarzenegger มารับบทตลกอีกครั้ง คราวนี้เขาต้องมาเป็นคุณพ่อบ้างานที่ชื่อ เฮาเวิร์ด แลงส์ตัน ซึ่งทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้ลูกชายคนเดียวของเขา เจมี่ (Jake Lloyd) เลย แล้วก็พลาดทุกนัดทุกคำสัญญาที่ให้ไว้กับลูกครับ ทั้งงานรับสายยูโดก็พลาด แล้วล่าสุดพลาดหนักถึงกับลืมซื้อของขวัญคริสต์มาสที่ลูกอยากได้มากๆ นั่นคือตุ๊กตาหุ่นยอดฮิตที่ชื่อ เทอร์โบแมน
แต่เฮาเวิร์ดก็คิดว่า เอาน่า มันต้องมีเหลือซักตัวสองตัวล่ะ มันจะฮิตจนขาดตลาดอะไรปานนั้น แต่พอไปซื้อในเช้าวันคริสต์มาสเท่านั้นแหละครับ ประจักษ์เลยว่าของมันขาดตลาดจริงๆ ทำให้การตระเวนทั่วเมืองเริ่มต้น แล้วมิหนำซ้ำเขายังต้องเจอกับคู่แข่งอย่างไมรอน (Sinbad) บุรุษไปรษณีย์จอมเพี้ยนที่ต้องการเอาเทอร์โบแมนไปให้ลูกเหมือนกัน สองคนนี้เลยมีการตีกัน ขัดขวาง หาทางสู้รบกันตลอดทั้งเรื่อง แล้วไหนยังต้องหาของให้ทันเวลาอีก เฮ่อ แล้วเฮาเวิร์ดจะทำได้สำเร็จหรือเปล่าน้อ
เข้าใจคิดดีนะครับ เอาเรื่องแค่คนสองคนมาผูกแล้วก็ทำเป็นหนังได้ อ้า แต่เขาก็ทำออกมาแล้วล่ะครับ แล้วมันก็สนุกไม่เลวด้วยนะ คือสาระคงจะต้องบอกว่ามันเบาครับ ไม่ค่อยมีอะไร แต่ยังดีที่พี่บึ้ก Arnold แกเล่นหนังตลกได้โอเค ก็ลองลับฝีมือมาหลายเรื่องแล้วนี่ครับ ทั้ง Twins, Kindergarten Cop หรือจะ Junior อีก แล้วยังได้มาเข้าคู่กับดาราผิวดำจอมบ้าอย่าง Sinbad อีกด้วย เลยสนุกไปกันใหญ่ หนังมันส์จริงๆ ก็เพราะดาราที่เล่นได้ตลกนี่แหละครับ นอกจากสองเจ้านี่แล้วก็ยังมี Phil Hartman ดาราตลกผู้ล่วงลับไปแล้วมาร่วมแสดงอีกท่านหนึ่งนะครับ ในบท เท็ด มัลติน เพื่อนบ้านจอมสอดของเฮาเวิร์ดที่คิดจะจีบเมียของเขา (Rita Wilson) อยู่เป็นประจำ
ก็เป็นเรื่องธรรมดาล่ะครับ ลองว่าหนังตลกได้ดาราที่เล่นได้ลื่นมารวมๆ กัน มันก็ช่วยให้หนังมีชัยไปกว่าครึ่งแล้วล่ะครับผม
ส่วนตัวหนังเองนั้นก็ลงสูตรสำเร็จแบบปลอดภัยไว้ก่อนเลยฮะ ไม่มีอะไรฉีกแนว แต่ดูสนุกชัวร์ ฮาแน่ๆ หนังก็มีเพียบทั้งมุขตลกเจ็บตัว แล้วยังมีแอ๊คชั่นสนุกๆ ในตอนท้ายด้วย หนังอาจมีเว่อร์บ้างนะรับ แต่สนุกน่ะ ยอมรับเลยว่าการผูกเรื่องทำได้ลื่นดีครับ อย่างน้อยการตามหาของเล่นของสองคุณพ่อก็ไม่ได้น่าเบื่อนะ เพราะมีเรื่องบ้าๆ เกิดขึ้นตลอด แล้วสองคนนี้ก็ยังหาเรื่องกัดกันไปตลอดด้วย (อันนำมาสู่ความสนุกเป็นระยะๆ)
ก็ถือเป็นงานที่น่าพอใจอีกเรื่องของ Brian Levant ผู้กำกับที่ถนัดหนังแนวครอบครัวอย่าง Beethoven แล้วก็ The Flintstones นะครับ เรื่องนี้ก็ถือว่าสนุก ไม่เหมือนเรื่องก่อนๆ ครับ ที่ผมเอามาบ่น ซึ่งอันนั้นสนุกก็ไม่ค่อย กินใจก็ไม่ค่อย เลยออกมาแบบชืดๆ ธรรมดาจืดตาซะอย่างนั้น แต่กับเรื่องนี้นะครับ กินใจก็มีแบบเล็กๆ น่ะครับ ความสนุกน่ะถือว่าน่าพอใจครับ ดูเอาเพลินๆ ในวันคริสต์มาสล่ะผมแนะนำเลยล่ะครับ เอาแค่จับจ้องการแสดงบทตลกๆ ของแต่ละคนก็น่าจะสบายแล้ว แต่บอกก่อนนะครับว่าหนังไม่ได้ฮาแตก แค่ดูเพลินๆ เท่านั้น
จัดว่าใช้ได้ครับเรื่องนี้ ในเรื่องความสนุกน่ะนะครับ แล้วก็ Soundtrack ด้วย อร่อยใช้ได้เลยครับ เพลงคริสต์มาสดีๆ มันส์ๆ มีเยอะทีเดียว ส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังมันเพลินก็เพราะเพลงด้วยแหละครับ ไม่ว่าจะ Jingle Bells เวอร์ชั่นมันส์ๆ หรือเพลงเพราะๆ อย่าง The Most Wonderful Time of the Year คือกระซิบบอกได้อีกอย่างว่าหากท่านชองเพลงคริสต์มาสแล้วล่ะก็ เรื่องนี้แค่เอามาฟังเพลงผมว่าก็คุ้มแล้วล่ะครับ หรือไม่ก็ซื้อ Soundtrack มาเก็บเลยก็ได้ครับ ผมยังซื้อเลย ชอบจริงๆ เพราะดี
เรื่องนี้ก็เหมาะกับคนที่ชอบหนังคริสต์มาสแบบสบายๆ นะครับ เอาฮาเอาสนุกเป็นหลัก สาระเป็นรอง ถ้าถามว่ามีมั้ยก็มีน่ะครับ แต่เพียงบางเบา อย่างเช่นเรื่องการให้ความสำคัญกับครอบครัวซึ่งก็ถือเป็นหัวใจอีกอย่างหนึ่งของวันคริสต์มาสน่ะนะครับ
สองดาวกว่าๆ ใกล้ครึ่งครับ
(6.5/10)
อันนี้คือที่ผมเขียนเพิ่มเติมไว้เมื่อ 25 ธันวาคม 2562 ครับ
Jingle All the Way หนึ่งในหนังวันคริสต์มาสที่ดูเอาเพลิน เอาฮา ซึ่งหนังก็ตอบโจทย์ความบันเทิงให้เราได้โอเคในระดับหนึ่ง และหนังก็ยาวแค่ชั่วโมงครึ่งเรียกว่ากำลังดีสำหรับหนังเบาสมองครอบครัวแบบนี้
เรื่องของเฮาเวิร์ด แลงสตัน (พี่บึ้ก Arnold Schwarzenegger) ที่ต้องวิ่งพล่านตามหาตุ๊กตาเทอร์โบแมนไปเป็นของขวัญให้กับลูกชาย แต่ปัญหาคือของขาดตลาดครับ ควานหาที่ไหนก็ไม่เจอ แล้วเขายังต้องเผชิญกับไมรอน (Sinbad) บุรุษไปรษณีย์จอมเพี้ยนที่ต้องการเทอร์โบแมนเหมือนกันมาเป็นคู่แข่งอีก เลยทำให้ภารกิจนี้ยากและวุ่นกว่าที่ใครจะคาดคิด
หนังเพลินดีครับ ดูรอบล่าสุดนี่เหมือนดูการ์ตูน คือไม่ต้องไปคิดคำนึงถึงเหตุผล ดูเอาสนุกเป็นหลัก แต่ถ้าจะบอกว่าหนังไม่มีสาระเลยก็คงไม่ใช่ครับ เพราะอย่างน้อยตอนท้ายๆ หนังก็มีอะไรให้เราประทับใจพอสมควร
ที่จัดว่าเด็ดสำหรับหนังเรื่ืองนี้คือ Soundtrack ครับ เพลงคริสต์มาสมากันแบบจัดเต็ม จำได้เลยว่าพอดูหนังเสร็จต้องไปซื้อ OST มาเก็บไว้เลย เพลงดีทุกเพลง เรียกว่าเอาไปเปิดวนในเทศกาลได้เลย คัดเพลงมาดีจริงๆ
เกร็ดที่น่าสนใจของหนังคือ ตอนแรกทีมงานอยากได้ Joe Pesci (ที่รับบทตัวร้ายใน Home Alone น่ะครับ) มาเป็นไมรอนครับ แต่ประเด็นคือความสูงและขนาดตัวของ Pesci นั้นถือว่าน้อยกว่าพี่บึ้ก Arnold อย่างมาก ลองว่าเป็นแบบนั้นแล้วการจะให้เขามารับบทคู่แข่งคอยตีคอยไฝว้กับพระเอกก็ไม่น่าจะเหมาะ สุดท้ายก็เลยเลือกเป็น Sinbad ที่ไซส์ตัวพอๆ กันให้มาแสดงแทนครับ
ตัวหนังจัดว่าทำเงินเท่าทุนแบบติดตัวแดงนิดๆ ลงทุน $60 ล้าน (เฉพาะค่าตัวพี่บึ้กก็ล่อไป $20 ล้านแล้วครับ บวกด้วยฉากพาเหรดตอนท้ายที่น่าจะลงทุนไปพอตัว) ก่อนจะทำเงินทั่วโลกไปประมาณ $129 ล้าน จำได้ว่าหนังโดนสับไปไม่น้อย แต่ผมดูกี่รอบก็ยังสนุกอยู่ – แม้ตอนโตขึ้นจะเริ่มรู้สึกถึงความเบาของหนังมากขึ้นนิดนึงก็เถอะ แต่ยังไงก็ยังสนุกอยู่ครับ
ก็เป็นอีกเรื่องที่หากมีโอกาส ผมก็จะเอามาเปิดในช่วงวันคริสต์มาสครับ หนังไม่ยาว สนุกเพลินๆ และรำลึกถึงวันเก่าๆ สมัยที่ยังมีหนังคริสต์มาสเข้าโรงมากกว่านี้ – สมัยที่พี่บึ้ก Arnold หนังยังพอทำเงิน – สมัยนั้น… ก็ 20 กว่าปีมาแล้วครับ ^_^
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Christmas Movies, Comedy, Family