นั่งคิดนิยามหนังเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง จะบอกว่ามัน Feel Good ก็ไม่ใช่ แต่ครั้นจะเรียกว่า Feel Real มันก็ไม่เชิง เพราะหนังจัดว่าอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 แบบที่ว่านั้นครับ
นั่งคิดนิยามหนังเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง จะบอกว่ามัน Feel Good ก็ไม่ใช่ แต่ครั้นจะเรียกว่า Feel Real มันก็ไม่เชิง เพราะหนังจัดว่าอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 แบบที่ว่านั้นครับ
ผมยังจำความรู้สึกผมตอนดูฉากแรกๆ ของหนังเรื่อง “มนต์เพลงลูกทุ่งเอฟเอ็ม” ได้ครับ (อย่าเพิ่งงงว่าผมจั่วชื่อเรื่องผิดครับ ลองอ่านกันก่อน)
อีกหนึ่งแนวหนังที่ผมนิยมเป็นการส่วนตัวครับ ^_^ นั่นคือแนวสยองแบบรวมเรื่องสั้นหลายๆ เรื่อง in 1 เจอหนังแบบนี้มาทีไรก็ต้องเอามาดูทุกทีไป (แม้จะหาที่มันเจ๋งจริงแจ๋วจริงได้น้อยก็เถอะ)
สิ่งหนึ่งที่รู้สึกในการดูหนังจีนยุคหลังๆ คือส่วนใหญ่หนังจะออกมาเน้น Effect หรือไม่ก็ CG ครับ ในขณะที่เนื้อเรื่องก็ลดความเข้มข้นลงเรื่อยๆ หรือในแง่ความมันส์ก็อาจจะไม่โดนใจคนรุ่นผมที่ชอบการซัดกันแบบสมจริงมากกว่าจะลุยกันแบบเป็น CG
ลองว่าเป็นหนังผีแนวรวมเรื่องสั้นแบบนี้ ผมก็พร้อมจะตามไปดูครับไม่ว่าจะของประเทศใดก็เถอะ (แม้หลังๆ หลายเรื่องที่ได้ดู จะทำให้รู้สึกเสียดายเวลาอยู่บ้างก็ตาม)
หยิบอาม่ามาดูด้วยหัวโล่งๆ เลยครับ คือไม่คาดหวังอะไรอยู่แล้วเพราะหนังโดนถล่มตั้งแต่เข้าโรง และเอาเข้าจริงพอดูตัวอย่างก็ไม่คิดว่าหนังจะน่าสนใจอะไรมากมาย
สิ่งแรกที่อยากจะบอกคือ กะไว้แล้วครับว่าพอดูจนจบนะ ยังไงมันก็จะต้องจบแบบปลายเปิด ทิ้งเชื้ออะไรสักอย่างไว้เผื่อทำตอนต่ออีกอยู่ดี แม้ชื่อจะบอกว่า The Final Chapter แค่ไหนก็เถอะ
สำหรับผมแล้ว จุดเด่นของหนังชุด Kung Fu Panda คือภาพสวยๆ ของธรรมชาติแบบย้อนยุคแล้วก็เจือกลิ่นอายลายเส้นอันเปี่ยมเสน่ห์ของจีนน่ะครับ
ตอนแรกผมว่าจะเขียนไม่ยาวนะ แต่ไปๆ มาๆ อินเนอร์มันมาอีกแล้ว ล่อซะยาวเลย ดังนั้นหากใครไม่อยากอ่านของยาวขอแนะนำให้อ่านแค่ย่อหน้าถัดไปก็พอครับ
ไม่รู้ตอนนี้ยังมีใครคิดถึง Rachael Leigh Cook อยู่หรือเปล่านะครับ แต่ถ้าเป็นเมื่อ 17 ปีก่อนล่ะก็ เชื่อว่าวัยรุ่น (ณ ตอนนั้น) คงจำได้ว่าเธอแสดงได้น่ารักแค่ไหนใน She’s All That