ดูไปก็บ่นงึมงำกับตัวเองไปว่า “สังคมตึง ผีหลอก สงครามหลอน ชีวิตคนเราหนอ ต้องเจอสิ่งเหล่านี้ อีกทั้งสารพัดปัญหาล้อมหน้าหลังเป็นเรื่องธรรมดาสินะ” พอดูจบแล้วก็ได้อารมณ์แนว “ปลงๆ” เกิดขึ้นเหมือนกันครับ
ดูไปก็บ่นงึมงำกับตัวเองไปว่า “สังคมตึง ผีหลอก สงครามหลอน ชีวิตคนเราหนอ ต้องเจอสิ่งเหล่านี้ อีกทั้งสารพัดปัญหาล้อมหน้าหลังเป็นเรื่องธรรมดาสินะ” พอดูจบแล้วก็ได้อารมณ์แนว “ปลงๆ” เกิดขึ้นเหมือนกันครับ
ว่าตามจริงพอเห็นตัวอย่างแล้วก็คิดถึงตอนจบได้เลยครับ กับพล็อตแนวทริลเลอร์ไซไฟที่ว่าห้องทดลองลึกลับห่างไกล ที่ทดลองมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ โดยตอนแรกการทดลองก็ดูจะน่าตื่นตา ก่อนที่สักพักสิ่งทดลองนั้นจะเริ่มเผยความน่ากลัวออกมา (นึกถึง Splice เลยครับ)
ระหว่างดูหนังเรื่องนี้ก็พลันผุดความคิดมากมายหลายอย่างขึ้นในหัว ขนาดดูจบไปพักหนึ่งความคิดที่ว่าก็ยังคงผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากจะให้สรุปองค์ความคิดเหล่านั้นแบบคร่าวๆ ก็คงเป็นว่า “เราน่าจะแก่แล้วจริงๆ” 5555
ตอนเรายังเป็นวัยรุ่น หลายคนก็คงมีความฝันจริงไหมครับ เราอยากทำในสิ่งที่ชอบ อย่างการเป็นศิลปิน การเป็นนักกีฬา การไปประกวดค้นฟ้าคว้าดาวประเภทต่างๆ หรือการออกไปแบกเป้ท่องโลก ใช้ชีวิตซิมเปิ้ล
เป็นหนังที่ผมเล็งจะดูตั้งแต่เห็นโปสเตอร์และรู้แนวหนังแล้วล่ะครับ ชื่อก็บอกแล้วว่าหนังจะเล่าถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนหนึ่งของชายหญิง 2 คู่ ซึ่งแนวแบบนี้ก็ทำให้นึกถึงหนังตระกูล Before ทั้งหลายขึ้นมาเลยครับ (Before Sunsire ไตรภาค กับ Before We Go)
หนังเรื่องนี้ทำให้ผมถึงแก่ความอึ้งไม่ใช่น้อยเหมือนกันครับ… คืออึ้งว่าทำไมมันถึงออกมาไม่ดึงดูดใจอะไรขนาดนี้
แนวคิดเรื่องนี้น่าสนใจครับ พี่ Kevin James (Paul Blart: Mall Cop) มารับบท แซม ลาร์สัน นักเขียนที่สร้างผลงานแนวแอ็กชันสายลับออกมา แต่เอเยนต์ของเขาดันไปโฆษณาว่ามันคือเรื่องจริง
เป็นหนังอีกเรื่องที่จริงๆ ดูน่าสนใจนะครับ เอา Robert De Niro มาเจอกับ Zac Efron เล่นเป็นปู่หลานกัน โดยพล็อตนี่ก็ออกแนว Road Movie นิดๆ ที่เอื้อให้เกิดเรื่องราวแบบปู่สอนเรื่องราวชีวิตให้กับหลานได้เลยล่ะ
ว่าตามตรงแล้วหนังเรื่องนี้เป็นการเอาสูตรของ Meet the Parents มาใช้งานใหม่โดยปรับสลับองค์ประกอบบางอย่างให้มันต่างออกไปนิดนึง แต่หากว่ากันโดยรวมแล้ว มันก็สูตรเดียวกันครับ
หนังเรื่องนี้คำวิจารณ์ไม่สวยครับ ถ้าถามว่าน่าดูไหม ผมก็ว่าน่าสนใจเพราะเห็นพี่ Pierce Brosnan มายืนเท่ห์ตรงโปสเตอร์นี่แหละ แต่ก็เดาๆ ได้อยู่เหมือนกันว่าบทพี่แกไม่น่าจะเยอะ แต่พวกหน้าเล็กๆ ในโปสเตอร์นั่นมากกว่าที่น่าจะเป็นตัวหลัก