หลายคนรีเควสท์ให้ผมรีวิวเรื่องนี้ และผมก็คิดเสมอครับว่าถ้าเขียนออกมา มันคงไม่เชิงเป็นรีวิว แต่จะเป็นบทความแนว “คนชราออกมารำลึกความหลัง ตามด้วยการเชียร์ดารานักบู๊ที่เราโตมาพร้อมหนังของพวกเขา”
เลน แดเนียลส์ (Hilary Duff) ตั้งใจจะสร้างชื่อในฐานะนักเขียน แล้วเธอก็หมายมั่นว่าจะเริ่มด้วยการเขียนเรื่องชีวิตรักของเตัวเอง เพื่อลงนิตยสาร Cosmopolitan แต่ปัญหาคือเธอยังไม่มีคนรักเลยน่ะสิครับ
จุดเข้าท่าแรกของหนังภาคต่อแนวสยองเรียลลิตี้เรื่องนี้คือ “ไม่หลงงงทาง” รู้ว่าอะไรทำให้ภาคแรกประสบความสำเร็จ แล้วไม่รอช้าที่จะเจริญรอยตาม เรียกว่าทำตามสูตรหนังชุด Saw แทนที่จะเดินตาม The Blair Witch Project ที่พอภาคแรกดังแล้ว ดันฉีกแนวภาค 2 ไปเป็นหนังสามัญที่ขาดความใหม่สดแบบภาคแรก ผลสุดท้ายก็เลยกลายเป็นอวสานหนังชุดแม่มดแบลร์ลงทันที
The A-Team รีเมคจากซีรี่ส์เก่าที่ฉายระหว่างปี 1983 – 1987 ครับ กับเรื่องราวของหน่วยทหารที่พร้อมปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตายทุกรูปแบบ โดยสไตล์ก็คือ Mission: Impossible ภาคทหารลุยระเบิดนั่นเอง
วิลเลี่ยม (Julian Rhind-Tutt) คือเทวดาประจำตัว อแมนด้า (Kelly Reilly) สาวสวยใจงามและน่ารัก เขาพิทักษ์เธอมานานจนกระทั่้งวันหนึ่งสวรรค์เบื้องบนมีคำสั่งจะเลื่อนขั้นให้กับเขา ส่งผลให้เขาจะไม่ต้องมีหน้าที่ดูแลเธออีก แต่ปัญหาคือเขาไม่อยากจากเธอไปนี่ครับ เพราะไปๆ มาๆ เขาก็ชักจะตกหลุมรักเธอแล้ว
Inside Job หนังสารคดีที่ได้ออสการ์ไปเมื่อหลายปีก่อน กับการบอกเล่าที่มาที่ไปเบื้องลึกเบื้องหลังของวิกฤติทางการเงินของอเมริกาเมื่อปี 2008
ก็เป็นอีกหนึ่งเกมต่อสู้ที่ถูกจับมาทำเป็นหนังนะครับ แล้วก็เจริญรอยตามรุ่นพี่ไปเลยครับ (ซึ่งไม่ค่อยจะเป็นด้านดีสักเท่าไร)
นักจัดรายการวิทยุสาว เอ็มม่า ซิลเวอร์ (Shannen Doherty) ต้องมาทราบข่าวร้ายซ้ำซ้อนครับ เริ่มจากการจากไปของคุณปู่ที่แม้ท่านจะทิ้งมรดกเป็นฟาร์มฟักทองไว้ แต่ปรากฏว่าฟาร์มนั้นมาพร้อมหนี้ 75,000 เหรียญครับ แล้วในเวลาต่อมาเธอก็ต้องเสียงานจัดวิทยุไปอีก
เมื่อโลกไร้ซึ่งความหวัง “ความเชื่อ” นั่นเองที่มีค่าที่สุด
ถ้าใครสนใจดูหนังฮาๆ สนุกๆ แบบดูได้ทั้งครอบครัวโดยไม่ลามกและไม่เลอะเทอะล่ะก็ ขอแนะนำหนังชุดนี้เลยครับ Diary of a Wimpy Kid ทำออกมา 3 ภาค สนุกดูเพลินทุกภาค
หมื่นทิพ's Review 