ภาคต่อที่มาพร้อมนักแสดงชุดใหม่ (ตามฟอร์มของหนังภาคต่อที่ทำลงแผ่นเลย) ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับภาคแรก นอกจากเป็นเรื่องของสาวน้อยที่รักในกีฬาเซิร์ฟบอร์ดเหมือนกัน
ภาคต่อที่มาพร้อมนักแสดงชุดใหม่ (ตามฟอร์มของหนังภาคต่อที่ทำลงแผ่นเลย) ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับภาคแรก นอกจากเป็นเรื่องของสาวน้อยที่รักในกีฬาเซิร์ฟบอร์ดเหมือนกัน
มาอีกแล้วครับ กับหนังเรื่องนี้ที่ผมแน่ใจว่าจะต้องมีคนไม่ชอบหรือเฉยๆ มากกว่าคนที่ชอบแน่ๆ (555) ส่วนผมนั้นก็ออกแนวลูกผสมทางอารมณ์ครับ ที่ชอบก็มี แต่ที่เฉยๆ ก็มีเหมือนกัน
เอาแผ่นมาดองไว้นานมาก ว่าจะดูแต่ก็ไม่ได้ดูสักที จนช่วงนี้อยากหาหนังภัยพิบัติมาดูบ้างเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ เลยจัดแจงเอาแผ่นมาปัดฝุ่นดูในที่สุด
ว่าด้วยสาวสวยจากเมืองใหญ่ที่ครอบครัวของเธอกำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างแรง เรียกว่าถึงขั้นล้มละลายกันเลยล่ะครับ
หนังรักโรแมนติกผสมกลิ่นอายมนตราว่าด้วย แมท (Ryan McPartlin) พ่อมดหนุ่มอนาคตไกลที่มีชื่อและเป็นที่จับตาโลกเวทย์มนต์ และกำลังจะแต่งงานกับเพื่อนสาวนามว่าลิซซี่ (Briana Lane)
เรื่องนี้ชวนให้นึกถึงสูตรละครไทยเหมือนกันนะครับ เป็นหนังแนวรักโรแมนติกว่าด้วยหญิงสาวที่มีอนาคตในวงการอสังหาริมทรัพย์ นามว่าแคทเธอรีน (Erika Christensen) ที่เลขาของเธอเห็นว่าเจ้านายชีวิตดูจืดชืดไม่ค่อยมีสังคมกับเขา ก็เลยเอารูปแคทเธอรีนลงในเว็บหาคู่ แต่ใช้โปรไฟล์เป็นของเลขาแทน
สิ่งแรกที่ต้องบอกกันคือนี่ไม่ใช่หนังแนวแอ็กชันเอามันส์ประเภทเอเลี่ยนบุกโลกแล้วก่อภัยพิบัติครับ ดังนั้นใครอยากดูเพราะฉากทำลายล้างสะใจๆ ล่ะก็ อย่าลืมลดความคาดหวังไว้ก่อนนะครับ
ผมรู้สึกดีที่ระยะหลังๆ มีหนังสไตล์ How to สอนคนให้รู้จักใช้ชีวิตมาเรื่อยๆ อย่าง Yes Man ก็อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งการดูหนังพวกนี้เมื่อมาผสมกับการคิดเพิ่มรอยหยักในสมองสักนิดก็จะทำให้เราเห็นแนวทางการใช้ชีวิตที่เหมาะควร รู้ทันใจตนและเข้าใจโลกมากขึ้น อะไรแบบนี้แหละครับถึงจะเรียกว่าคืนกำไรตอบแทนคนดู
ผมทำใจล่วงหน้าก่อนเข้าโรงแล้วว่าหนังของพี่ Jim Carrey เรื่องนี้คงไม่ฮาแตกเท่าสมัยเล่น Dumb and Dumber, Liar Liar หรือ Bruce Almighty พอดูจบก็พบคำตอบว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ แหละครับ หนังขำบ้างแต่ก็ไม่มาก จึงขอสาธยายแจ้งไว้ในย่อหน้าแรกเลยนะครับว่าอย่าดูโดยคาดหวังความขำ
เท่าที่ทราบมาคอหนังที่ติดตามหนังรักของ Hallmark จะเห็นคล้ายๆ กันครับ ว่าหนังรักช่วงวาเลนไทน์ปีนี้ของ Hallmark มาในโทนที่หวานแหววน้อยลง ความโรแมนติกก็ติดดินขึ้น และเน้นที่โลกแห่งความจริง มากกว่าจะอุดมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความฝัน… ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับคนส่วนใหญ่นั่นแหละครับ ^_^