เรื่องราวบทต่อมาครับ ยังคงว่าด้วยเรื่องของฮ่องเต้หย่งเจิ้น (กุ๊ฟง, Ku Feng) ที่ยังคงเข่นฆ่าระรานชาวฮั่นอยู่ไม่เลิก รวมถึงใช้หน่วยจักรพญายม (ที่ฉบับที่ผมดูเรียกว่าจักรโลหิต) คอยกวาดล้างผู้ที่คิดต่อต้านอย่างเหี้ยมโหดเช่นเคย
ในที่สุดเหล่าผู้กล้าก็นัดกันมารวมตัวที่เขาตันเสียเพื่อวางแผนปลงพระชนม์ฮ่องเต้หย่งเจิ้น แต่ด้วยฤทธิ์เดชของจักรพญายมที่ร้ายกาจเลยทำให้ชาวยุทธต้องเรียกร้องให้หม่าเถิง (ตี้หลุง, Ti Lung) ผู้ซึ่งสามารถคิดค้นเครื่องมือสยบจักรพญายมให้ออกมาช่วยรับมือกับทรราชย์อีกครั้ง
ร่วมด้วย ซือซือ (Shih Szu) ในบท น่าหลาน ลูกสาวขุนนางที่มีใจหมายกำจัดฮ่องเต้หย่งเจิ้น, เยี่ยนหนานซี (Nancy Yen) เป็นกระบี่มังกรทะยานฟ้า หลู่ซื่อเหนียง, หลิวลู่หัว (Liu Locke Hua) เป็นกระบี่ไวเจียงหนาน เจียงฉางฟง, ฟ่านเหมยเซิง (Fan Mei Sheng) เป็นหลี่ซือหนาน, หวังจง (Wang Chung) เป็นไป๋ไท่กวน, ฉื่อจ้งเถียน (Shih Chung Tien) เป็นผู้นำเหล่าผู้กล้า กังฟ่งฉือ
หลอลี่ (Lo Lieh) เป็นเจียนเป่าอิง, เว่ยหง (Wei Hung) เป็นกังจิ้งฟง 2 คนนี้คือหน่วยจักรพญายมคนสนิทของฮ่องเต้, หยางฉีอิง (Yang Chih Ching) เป็นซือหม่าปู้ลู่, กู้เหวินจง (Ku Wen Chung) เป็นหยางจวง อาจารย์ขององค์ฮ่องเต้, เฉินซู่เจีย (Chen Szu Chia) เป็นอี้หลาน หญิงข้างกายหม่าเถิง, จิงเหมี่ยว (Ching Miao) เป็นลามะเจ้าลัทธิ ผู้คิดค้นจักรโลหิต 2 ชั้น และหนังกำกับโดย เฉิงกัง (Cheng Kang) กับ หัวซาน (Hua Shan) ครับ
ภาคนี้อยากตั้งชื่อให้ว่าดับเบิ้ลจักรพญายมครับ 5555 เพราะพลังของมันสูงขึ้น ออกมาเป็นจักร 2 ชั้นไปเลย มิหน้ำซ้ำลีลาในการควงจักรก่อนที่จะใช้งานก็ดูพิสดารกว่าภาคก่อน ส่วนความร้ายกาจของมันก็คงต้องบอกว่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเดิม
แต่โดยรวมๆ แล้วผมออกจะชอบภาคแรกมากกว่าภาคนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะคราวนี้ตัวละครเยอะขึ้นครับ โฟกัสเลยค่อนข้างกระจาย ไม่เหมือนภาคแรกที่โฟกัสเต็มๆ จะอยู่ที่หม่าเถิงและคนในหน่วยจักรพญายม ในขณะที่ภาคนี้มีทั้งเหล่าผู้กล้า มีเรื่องของน่าหลานที่แทรกซึมเข้าในในราชสำนัก เลยทำให้เรืองของหม่าเถิงลดปริมาณลง และพอโฟกัสมันกระจาย ความน่าติดตามของเรื่องก็เลยลดลงไปพอสมควร
ส่วนคิวบู๊ก็ถือว่าโอเคครับ แต่ถ้าวัดกันตามความรู้สึกผมว่าภาคแรกจะแน่นกว่า รวมถึงลีลาความโหดของจักรพญายม ภาคนี้ผมว่าความเด่นก็ไม่มากเท่าภาคก่อนเหมือนกัน
แต่จุดที่ผมยอมรับเลยว่าถึงขึ้นกว่าเดิมก็คือการมารับบทหย่งเจิ้นของกุ๊ฟงครับ เขาดูร้ายกาจ มีรัศมีเข่นฆ่าอำมหิต และดูเจ้าเล่ห์ร้อยเหลี่ยมมากกว่าที่เจียงหยางเล่นไว้ สำหรับผมแล้วพลังสำคัญเลยที่ทำให้หนังภาคนี้ยังพอเพลินอยู่ก็คือกุ๊ฟงนี่แหละ ในขณะที่ตี้หลุงนั้นก็อย่างที่บอกครับว่าบทของหม่าเถิงน้อยลง ความเด่นของพี่เขาเลยไม่เยอะ ไปๆ มาๆ ซือซือจะดูมีพื้นที่บนจอมากกว่าด้วย
กระนั้นผมว่าหนังก็ยังดูได้เพลินๆ ครับ ดูได้เรื่อยๆ ตามมาตรฐานของหนัง Shaw Brothers
สองดาวกว่าๆ ครับ
(6.5/10)












