อีกหนึ่งหนังแนวรวมดาราของ Shaw Brothers ครับ แล้วยังมีการแยกออกเป็น 2 เรื่องสั้นด้วย
เรื่องแรกคือ เฒ่าหัวงู (The Scholar and the Soldier) เรื่องของนายท่านฉือโส่วชิง (เฉิงกัง, Cheng Kang) บัณฑิตเฒ่าที่หวงลูกสาว (หลิวอู่ฉี, Liu Wu Chi) แบบสุดๆ แล้วทีนี้ก็มีนายพลคนหนึ่งอยากได้นางไปครอง เลยให้ลูกน้องนามว่าเป่าซ่าน (เว่ยผิงอ้าว, Wei Ping Ao) มาหาทางวางแผนให้นายท่านฉือยินยอม ซึ่งก็พอดีที่ตอนนั้นนายท่านฉือกำลังติดบ่วงรัก ซ้อจาง (หลี่ชิง, Li Ching, Ching Lee) แม่ม่ายทรงเสน่ห์เข้าพอดี งานนี้เป่าซ่านเลยกะจะหาเรื่องข่มขู๋แบล็คเมล์ตาเฒ่าซะเลย
สมทบด้วย ฟางเมี่ยน (Fang Mien) ในบทหลิวเต๋อ คนรับใช้ของบ้านฉือ, ซื่อเทียน (Dean Shek) เป็นลูกชายของเอ๋อของบ้านฉือ โดยพาร์ทนี้กำกับโดยเฉิงกังนั่นแหละครับ
ส่วนเรื่องที่ 2 คือ บ๊องส์นักต้ม (Tales of Larceny) เรื่องเกี่ยวกับสารพัดเหตุการณ์แนวต้มๆ ตุ๋นๆ แบบคนด้วยกันหลอกกันเอง ไม่ว่าจะศาลเจ้าเทพเอ้อชิงที่คนสรัทธากันทั่วเมือง แต่หารู้ไม่ว่าอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์สารพัดที่คนเขาร่ำลือกันน่ะมันคือการเตี๊ยมและการสร้างภาพทั้งนั้น
ไหนจะเรื่องของสามีภรรยาที่มาบอกว่าหญิงชราขอทานคือแม่ของพวกเขา แล้วก็รีบไปเลี้ยงดู แล้วก็พ่อหนุ่มโชคดีที่มีสาวๆ มารุมล้อมถึง 3 นาง… แต่ทุกอย่างอาจไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้ – ตอนหลังนี้ กำกับโดย หลี่ฮั่นเซียง (Li Han Hsiang) ครับ
ก็ตามสูตรครับ ดารามากันเพียบ โผล่มาคนละนิดละหน่อย ส่วนเนื้อเรื่องนั้นจริงๆ ก็ไม่มีอะไรมาก แต่หนังดูได้เรื่อยๆ ก็เพราะการแสดงของเหล่าดาราน่ะครับ อย่างตอนแรกก็ดูเพลินดี ส่วนตัวผมว่าคนที่ดูเด่นสุดคือเว่ยผิงอ้าวที่ได้แสดงอะไรเยอะกว่าเขาเพื่อน ส่วนเฉิงกังก็ดูเป็นเฒ่าหัวงูได้ฮาดี
ส่วนตอนที่ 2 ผมว่าเด่นในเรื่องการถ่ายทอดให้เห็นถึงการหลอกกันระหว่างคนน่ะครับ ซึ่งการที่หนังนำเสนอในแบบตลกโปกฮาก็ทำให้มันพอจะบันเทิงได้อยู่ แต่หากมาพิจารณาดูกันจริงๆ แล้วผมว่าก็น่าสลดใจนะ ที่ต้องมาเห็นคนหลอกคนด้วยกันเอง ไม่ว่าจะเพื่อความสนุก เพื่อทรัพย์สิน หรือเพื่อชื่อเสียง ก็ทำให้ตระหนักล่ะครับว่าการที่โลกเราทุกวันนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากกลุ่มคนที่กระทำการอะไรแบบนี้
เรื่องความอยู่รอด หรือการเอาตัวรอด หรือความจำเป็นบังคับนี่ก็เรื่องหนึ่งนะครับ อันนั้นแล้วแต่จะกล่าวอ้างเหตุผลกันไป แต่ผมพูดแบบมองง่ายๆ เหมือนกินอาหารที่ใส่น้ำตาลเยอะเกินมันก็หวาน ในน้ำปลาเยอะไปมันก็เค็ม และการที่โลกเรายุ่งเหยิงไม่จบสิ้น ก็เพราะส่วนผสมของคนที่โกหก หลอกลวง ร้อยเล่ห์ที่มีหาน้อยไม่ในสังคมโลกของเรา… บางทีเรื่องพวกนี้แค่คิดถึงมันก็ทำให้เหนื่อยได้แล้วล่ะครับ
ก็ต้องแล้วแต่ความชอบนะครับ ถ้าชอบหนังเบาสมองแบบดูดารามากันเยอะๆ แล้วก็มาพร้อมเนื้อเรื่องที่ไม่หนักหนาอะไร ผมว่าเรื่องนี้ก็พอสนุก พอตอบโจทย์บันเทิงได้ แต่ถ้าใครไม่สันทัดหนังเบาๆ เอาฮาเป็นหลักไม่เน้นเนื้อเรื่อง จะข้ามไปก็ไม่ว่ากัน
สองดาวกว่าๆ ครับ
(6.5/10)











