นี่ก็เพิ่งมารู้ตอนดูครับว่าได้ Taylor Sheridan มาสร้างสรรค์ และยังได้ Antoine Fuqua มาอำนวยการสร้างอีก แบบนี้มันเลยต้องจัดครับ
หนังถือว่าถึงรสใช้ได้เลยครับ อันนี้ต้องบอกก่อนว่าหากท่านจะดูเรื่องนี้พร้อมเด็กและเยาวชนนี่คงต้องให้คำแนะนำกันกระจายเลย เพราะโลกในหนังมันคือโลกสีเทา… หรือจริงๆ บางอันนี่คือเข้าข่ายสีดำเลยก็ว่าได้
ตัวเอกคือ ไมค์ แม็คลัสกี้ (Jeremy Renner) ที่ต้องรับหน้าที่ต่อจากพี่ชายในฐานะ “นายกเทศมนตรีแห่งคิงส์ทาวน์” ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่นายกฯ จริงๆ หรอกครับ แต่เป็นสมญาที่คนเขาเรียกกัน เพราะงานของเขาคือการ “ดีล” ทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น ลูกใครโดนจับในข้อหาอะไรก็ตาม ญาติก็จะมาหาไมค์ให้ช่วยวิ่งเต้นเพื่อให้พ้นผิดหรือไม่ก็ลดโทษกันไป
หรือถ้างานใหญ่หน่อยก็อย่างเช่น หากมีใครก่อคดีฆาตกรรมใหญ่ระดับสะท้านเมือง ทางเจ้าหน้าที่ภาครัฐ (บางคน) ก็จะขอให้ไมค์ใช้เส้นสายในการตามหาคนก่อคดี ซึ่งบางทีก็อาจเป็นคนในแก๊งอะไรสักอย่าง ดังนั้นไมค์ก็ต้องไปติดต่อหัวหน้าแก๊งให้ทางนั้นควานหาตัวคนลงมือมา แล้วก็จะมีการตกลง “ดีลลับๆ” เช่น ถ้าแก๊งช่วยไมค์หนนี้ ก็จะเท่ากับทางอีกฝั่งติดหนี้แก๊ง ดังนั้นในอนาคตแก๊งก็อาจจะดำเนินการ “ดีลกลับ” ขอให้อีกฝ่าย (ซึ่งก็คือเจ้าหน้าที่รัฐ) ช่วยทำอะไรสักอย่างเป็นการตอบแทน
นี่แหละครับ คือโลกของ Mayor of Kingstown
พูดกันตรงๆ เลยนะครับ คือเราๆ ก็รู้กันอยู่นั่นแหละ ว่าของแบบนี้มันไม่ใช่แค่จินตนาการ มันไม่ได้มีแค่ในหนัง และมันไม่ใช่ “ข่าวลือ” แต่มันมีอะไรแบบนี้จริงๆ ในโลกของเรา ซึ่งก็ถือว่าทีมงานกล้าพอดูครับที่จับเรื่องนี้มาบอกเล่า แต่ผมชอบนะ คือมันดิบดี หลายอย่างมันสัมผัสได้ว่า “จริง” แม้ไม่เคยไปอยู่ตรงนั้นแล้วไปดีลกับเขาก็เถอะ แต่… มันรู้น่ะ ยิ่งใครอยู่บนโลกใบนี้มานานพอที่จะผ่านเรื่องราวต่างๆ ผมว่าหัวมันคำนวณได้ว่าเรื่องที่ได้ยินน่ะมันจริงหรือไม่ มันเป็นไปได้แค่ไหน
ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ซีรี่ส์สำหรับทุกคนครับ ใครอยากคาดหวังแอ็คชั่นก็ขอให้เลี้ยวกลับด่วน เพราะเรื่องนี้มันไม่ใช่ หรือใครที่ไม่อยากดูอะไรเครียดๆ ก็เลี้ยวกลับเช่นกัน เพราะมันเครียดแน่นอน อย่างภรรยาผมนี่ดูแล้วยังบอกเลยว่าเครียด
แต่ถ้าใครชอบงานดิบๆ สไตล์ Sheridan อย่าง Sicario หรือ Wind River หรือชอบหนังอย่าง Training Day ล่ะก็ ผมก็ขอกวักมือเรียกเลยครับ เชื่อว่าท่านจะถูกจริตสมใจกับเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยแน่ๆ
งานสร้างถือว่าถึงพร้อมครับ ดาราก็เล่นกันแบบทุ่มจริงๆ โดยเฉพาะ Emma Laird ในบทไอริสนี่ ยอมรับเลยว่าดูแล้วเห็นใจเธอมากๆ บางฉากบางตอนนี่ถึงกับอึ้งเพราะเธอเล่นถึงและดูโทรมสุดขีดจริงๆ อันนี้ขอยกนิ้วให้เธอเลยครับ เล่นได้ยอดมากๆ
ส่วน Renner ก็สบายครับ เหมาะอยู่แล้วกับบทแบบนี้ ยิ่งแววตาพี่ท่านตอน “โหมดเอาจริง” นี่มันได้ใจมากๆ ประมาณว่าถ้าผมเจอก็คงวิ่งน่ะครับ เพราะรู้ว่าพี่ท่านเล่นถึงตายแน่นอน แต่รายที่ผมชอบสุดนี่ยกให้ Tobi Bamtefa เจ้าของบท บันนี่ หัวหน้าแก๊งที่ตอนแรกดูเหมือนจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับไมค์ แต่ดูไปสักพักความคิดมันก็เปลี่ยนไปครับ
ผมชอบตอนท้ายของตอนที่ 2 ครับ ตอนที่ไมค์นั่งคุยกับบันนี่ในตอนกลางคืน แล้วก็เล่าเรื่องชีวิตของกันและกัน สำหรับผมนี่คือฉากทองคำเลยนะ ผมจูนกับซีรี่ส์ติดเต็มๆ ก็ฉากนี้แหละ คือองค์ประกอบมันพอเหมาะ อารมณ์มันได้ ฉากนั้นมันใช่ ดูแล้วเชื่อเลยว่าไมค์กับเบนนี่ “ถึงกัน” มากกว่าที่ใครจะคิด ตอนแรกผมก็คิดนะว่าบันนี่จะกวนไหม จะร้ายไหม แต่พอเจอฉากนี้เข้าไปนี่มันกระจ่างเลยครับ มันชัดเลยว่าไมค์กับเบนนี่มีไมตรีให้กันแค่ไหน
อารมณ์เหมือนจอมยุทธในหนังจีนน่ะครับ คน 2 คนที่มาจากต่างสำนัก ต่างพรรค หรือต่างฝ่าย (ประเภทพรรคเทพ-พรรคมาร) แต่ต่างก็นับถือกัน เข้าใจกัน สามารถคุยกันได้ ต่อกันติด มันคือฉากที่ผมชอบที่สุดแล้วในปีแรกนี้ครับ มันถึงจริงๆ และทั้ง Renner และ Bamtefa ก็แสดงรับส่งกันได้ยอดมากจริงๆ คือดูเรียบง่าย ผ่อนคลาย แต่สื่ออารมณ์ได้ครบถ้วน
ก็ต้องแล้วแต่ท่านล่ะนะครับ ถ้าอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วรู้สึกอยากดู ก็จัดเลยครับผม ผมเชื่อว่าท่านจะถูกใจ แต่หากใครไม่แนวกับหนังเครียดๆ เจ้าพ่อๆ แก๊งๆ นี่ จะผ่านไปก็ไม่ว่ากันครับ ของแบบนี้เข้าใจกันได้
สามดาวครับ
(8/10)












