
เรื่องนี้เล่าถึงหวงเฟยหง (หลิวเจียฮุย, Liu Chia-Hui) ตอนวัยหนุ่มครับ ด้วยความที่เขาเป็นคนอารมณ์ร้อนทำให้ หวงฉีอิง (เจียงหยาง, Chiang Yang) พ่อของเขาตัดสินใจไม่ถ่ายทอดวรยุทธให้เพราะกลัวว่าจะไปก่อเรื่อง แต่เหยียนเจิ้น (Liu Chia-Yung) เห็นแววในตัวเฟยหงก็เลยขอให้ ลู่อาช่าย (เฉินกวนไถ้, Chen Kuan Tai) อาจารย์ของเขาและฉีอิงช่วยรับเฟยหงเป็นศิษย์ รวมถึงช่วยสั่งสอนขัดเกลาให้เฟยหงมีน้ำจิตน้ำใจแบบผู้กล้ามากขึ้น
ขณะเดียวกันคนในบ้านตระกูลหวงก็มีเรื่องเขม่นกับลูกศิษย์ของอาจารย์ผังเหยินกัง (Shih Chung-Tien) ที่เป็นคู่แข่งในงานชิงดอกไม้ไฟทุกๆ ปี ไหนจะเรื่องบาดหมางระหว่างเหยียนเจิ้นกับเหอหู่ (หลิวเจียเหลียง, Liu Chia-Liang) พี่น้องร่วมสาบานของผังเหยินกังอีก ก็ต้องมาติดตามกันล่ะครับว่าบุญคุณความแค้นทั้งหมดนี้จะมีบทลงเอยเช่นไร
ดาราสมทบในเรื่องก็ยังมีหวังยี่ (Wong Yue) หลินถูเฉียง ศิษย์เอกของหวงฉีอิง, หลี่ลี่ลี่ (Lily Li) เป็นซิ่วเหลียน หญิงสาวที่คอยดูแลบ้านตระกูลหวง, เฝิงเค่ออัน (Fung Hark-On) เป็นหยางชุง ศิษย์ตัวแสบของผังเหยินกังที่มักจะมาหาเรื่องบ้านตระกูลหวงอยู่บ่อยๆ
และเรายังจะได้เห็น ริคกี้ ฮุย (Ricky Hui) เป็นอาหลงคนรับใช้ในบ้านตระกูลหวง, หยวนเปียว (Yuen Biao) เป็นลูกน้องของหยางชุงที่คอยยกซุ้มดอกไม้ไฟตอนต้นเรื่อง, หลินเจิ้นอิง (Lam Ching-Ying) หนึ่งในลูกน้องของหยางชุง เห็นแว้บๆ ตอนอยู่ในร้านอาหาร และ เจิ้งจื่อเหว่ย (Eric Tsang) เป็นหนึ่งในคนของบ้านตระกูลหวง เราจะได้เห็นหน้าตอนที่บ้านตระกูลหวงไปส่งลู่อาช่ายกับหวงเฟยหงออกเดินทางไปฝึกยุทธน่ะครับ
เป็นอีกหนึ่งหนังกังฟูที่ผมชอบครับ อย่างแรกที่เข้าตาเลยคือการเดินเรื่องที่ถือว่ามีทิศทาง เล่าเรื่องได้น่าติดตาม ตอนต้นหนังก็ทำให้เราเห็นว่าหวงเฟยหงวัยละอ่อนนั้นอารมณ์ร้อนแค่ไหน จนพอเข้าใจว่าทำไมพ่อถึงไม่อยากให้ฝึกยุทธ แต่ในเวลาต่อมาพอเขาได้รับการชี้ทางจากอาจารย์ลู่ทั้งในเรื่องเชิงยุทธและทัศนคติ เฟยหงก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปจากหนุ่มใจร้อนเป็นสุขุมขึ้น มีความคิดอ่าน มีสติและรู้จักไตร่ตรองก่อนจะลงมือทำอะไร
และที่ถือเป็นไฮไลท์เลยคือเฟยหงกลายเป็นคนเปี่ยมคุณธรรมครับ อันนี้ทำให้เราเห็นภาพเลยนะว่าจากหนุ่มเลือดร้อนคนหนึ่งกลายมาเป็นอาจารย์หวงที่มีคนนับหน้าถือตาในเวลาต่อมาได้อย่างไร คือดูแล้วเห็นภาพ ดูแล้วเชื่อน่ะครับว่าเฟยหงเปลี่ยนไป เขาโตขึ้นกลายเป็นอีกคนที่เก่งทั้งวิชาการต่อสู้ และเป็นสุภาพชนของแท้ประเภทเงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน – สาระสำคัญของประเด็นนี้คือ คนเราเปลี่ยนได้ครับ จะเปลี่ยนให้ดีขึ้นวิวัฒน์ขึ้นก็ได้ หรือจะเปลี่ยนไปในทางแย่ก็ได้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็ขึ้นกับสิ่งแวดล้อมและคนนำทางอย่างครูอาจารย์นี่แหละ

ในขณะที่เฟยหงคือตัวอย่างของคนที่ได้รับการสอนไปในทางที่ดี หยางชุงและพวกพ้องก็เป็นตัวอย่างของคนที่โดนตามใจ โดนสนับสนุนให้ประพฤติในทางผิดจนเป็นกิจวัตร อะไรเหล่านี้สะท้อนความสำคัญของพ่อแม่พี่น้องและครูอาจารย์ที่หล่อหลอมเด็กได้เป็นอย่างดี
เด็กจะดี เพียงใดนั้น… รู้ๆกัน อยู่ที่ใคร – นึกถึงบทเพลงท่อนนี้จนได้
และผมยกให้หนังเรื่องนี้เป็น Feel Good นะครับ เพราะบทสรุปมันใช่เลย จากที่ตอนต้นตอนกลางมีแต่ต่อสู้ ตีกันและมีเรื่องกัน จนกระทั่งได้เฟยหงคนใหม่นี่แหละมาช่วยประสานรอยร้าว ลดความขัดแย้ง อะไรเหล่านี้ทำให้ผมประทับใจครับ หนังสนุก ดูเพลิน ดูมันส์ แล้วยังได้แง่คิดดีๆ พ่วงมาด้วยความรู้สึกดีๆ อีก อันนี้ก็ขอชมผู้กำกับ หลิวเจียเหลียง ผู้มีใบหน้าเป็นเอกลักษณ์ มีไฝที่หว่างคิ้ว ซึ่งผมยกให้เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าจดจำ
พูดมาถึงบรรทัดนี้ผมแทบไม่ได้พูดถึงคิวบู๊เลย พูดตรงๆ คือมีไม่เยอะครับ แต่ถึงจะน้อย แต่แน่นนะครับ คือมีบู๊จริงจังไม่กี่ฉาก แต่บู๊ทีไรมันส์สะใจทุกฉาก ทั้งฟาดฟันกันด้วยอาวุธและออกหมัดซัดนัว คิวบู๊ไม่ผิดหวังครับเรื่องนี้ มีน้อยแต่เต็มอิ่มบอกได้เลย
สรุปว่าเรื่องนี้คุ้มค่าน่าดูสำหรับคอหนังกังฟูครับ ครบถ้วนทั้งคิวบู๊ดีๆ เนื้อเรื่องเปี่ยมสาระชวนคิด ไม่ว่าจะเรื่องการพัฒนาตนเอง, เรื่องการเลี้ยงลูกหรือสอนลูกศิษย์, เรื่องการลดศัตรูและเพิ่มมิตร, เรื่องความอดทนอดกลั้น หรือการรู้จักรอคอยจังหวะ ไม่ด่วนใจร้อน
สองดาวครึ่งครับ

(7/10)










