Comedy

Unhuman (2022) เผชิญหน้าท้าอมนุษย์

Untitled07243

ตอนเห็นตัวอย่างก็คิดในใจเลยว่า “มาอีกแล้วจ้า หนังซอมบี้บุก” ซึ่งพล็อตเรื่องก็ว่าด้วยเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งไปทัศนศึกษา แต่ระหว่างทางดันเกิดอุบัติเหตุ และจู่ๆ ก็มีซอมบี้โผล่มา คนที่ยังเหลือรอดก็ต้องวิ่งหนีตายกันไป แต่ครั้นพอดูไปๆ ก็พบว่าหนังมีอะไรมากกว่านั้นอยู่ครับ แต่คงบอกตรงนี้ไม่ได้เพราะเดี่ยวมันสปอยล์

ถ้าถามว่าหนังใช้ได้ไหม จริงๆ ก็ดูได้น่ะครับ เพียงแต่มันอาจไม่ได้สุดอะไรมาก คือดูแบบไปเรื่อยๆ เหตุการณ์ก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ตามสไตล์หนังซอมบี้ แต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกเลยก็คือบางทีตัวละครในเรื่องก็ไม่เอาใจช่วยนัก บางทีก็เยอะเกิน บางทีก็สุดเกินจนสารภาพว่าแอบรำคาญในบางวาระเหมือนกัน – นี่หมายถึงในเรื่องของบทและคาแรคเตอร์นะครับ แต่ถ้ามองในแง่นักแสดงแล้วก็ถือว่าพวกเขาทำหน้าที่ได้โอเคอยู่

และหนังมันก็มีจุดหักมุมอยู่ครับ ซึ่งคงต้องขอร่ายอีกทีในโซนสปอยล์ เอาเป็นว่าขอบอกคร่าวๆ ตรงนี้แล้วกันว่าหนังก็ถือว่าดูได้เรื่อยๆ เพียงแต่ความน่าติดตามยังไม่สุด ตัวละครบางทีก็ชวนให้หงุดหงิดบ้าง และจุดหักมุมที่ผมกำลังจะพูดถึงนี้ ถือว่าโอเคในแง่ของไอเดีย และเป็นประเด็นที่ไม่เลว แต่ขณะเดียวกันหนังก็ยังเล่าได้ไม่กลมกล่อม และทำให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าหนังมันมีจุดโหว่จุดโหวง

==========
==========
สปอยล์ล่ะนะจ้ะ
==========
==========

สรุปง่ายๆ นะครับ คือหนังไม่ได้มีซอมบี้จริงๆ แต่เหตุทั้งหมดนี้มันคือการจัดฉากโดยเด็กเนิร์ด 2 คนที่โดนคนอื่นกร่างใส่ บูลลี่ใส่ พวกเขาเลยวางแผนร่วมกับคนอีกกลุ่มจัดฉากเหตุการณ์นี้ขึ้น เหตุผลหลักๆ มี 2 ประการ หนึ่งคือเพื่อแก้แค้นคนที่ทำไม่ดีกับเขา และสองก็คือ เพื่อชนะใจสาว

ส่วนคนที่ดูเหมือนซอมบี้นั้น จริงๆ คือโดนฉีดยาครับ เป็นยาที่ทำให้คนขาดสติจนควบคุมตัวเองไม่ได้และกลายเป็นเหมือนซอมบี้

คืออยากบอกว่าเข้าใจคอนเซปต์ครับ มันโอเคอยู่นะ ประมาณว่าคนที่โดนบูลลี่มากๆ เกิดทนไม่ไหวเลยเอาคืน แล้วก็อยากได้สาวมาคู่ติดปลายนวมด้วย ก็ถือเป็นแง่คิดที่ชวนให้คนตระหนักว่า อย่าไปบูลลี่ใครเขาเลย ถ้าคนที่ท่านไปบูลลี่เกิดทนไม่ไหวแล้วเขาวางแผนเอาคืนขึ้นมานี่มันไม่สนุกเลยนะ อย่างในชีวิตจริงนี่ถึงขั้นเอาปืนมากราดยิงกันก็มี ของแบบนี้มันมักจะจบไม่สวยหรอก

คือพอจะเก็ทน่ะครับว่าทำไปทำไม ทำเพื่ออะไร แต่ก็ยอมรับว่าหลายอย่างมันยังไม่เนียน มันยังมีช่องโหว่ที่ทำให้เรื่องดูไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไร และจะว่าไปการเล่าเรื่องและยำเรื่องทั้งหมดนี่ก็ยังไม่ค่อยกลมกล่อมนัก บางช่วงที่ดูอืดๆ ช้าๆ ก็ยังมี – ทั้งๆ ที่หนังก็ยาวเพียงชั่วโมงครึ่ง

==========
==========
หมดสปอยล์จ้า
==========
==========

หนังกำกับโดย Marcus Dunstan ซึ่งขานี้เขาโตมาจากสายเขียนบทครับ ไม่ว่าจะ Feast ทั้ง 3 ภาค, Saw ภาค 4 ยันภาค 7, The Collector ทั้ง 2 ภาค และ Scary Stories to Tell in the Dark เหล่านี้นี่พี่เขาเขียนบทหรือไม่ก็ร่วมเกลาบททั้งสิ้น ส่วนงานกำกับก็มี The Collector ทั้ง 2 ภาคครับ ซึ่ง ณ จุดนี้ก็บอกได้ว่าหนังชุดนั้นโอเคกว่าเรื่องนี้ครับ

สรุปว่าหนังก็ดูได้ครับ ส่วนสำคัญคงอยู่ที่ท่านจะคล้อยตามกับสิ่งที่หนังหักมุมไหม ถ้าคล้อยตามก็น่าจะโอเค แต่ถ้าไม่คล้อยและเห็นถึงจุดโหว่ก็อาจจะรู้สึกกับหนังไปอีกแบบ ส่วนผมนั้นถือว่ากลางๆ ครับ คือรับได้กับการหักมุม แต่การเล่าเรื่องและยำประเด็นมันยังไม่ลงตัวเท่าที่ควร

ดาวครึ่งได้ครับ

Star12

(5/10)

Untitled07244