Horror

Thanksgiving (2023) คืนเดือดเชือดขาช็อป

Untitled07241

สิ่งที่ไม่ควรเกิด มักก่อให้เกิดสิ่งที่ไม่ควรเกิด… ดังนั้นถ้าไม่อยากให้เกิดสิ่งที่ไม่ควรเกิด ก็ไม่ควรก่อให้เกิดสิ่งที่ไม่ควรเกิดตั้งแต่ต้น

นั่นคือข้อเตือนใจที่คิดได้เป็นประจำ ยามดูหนังสยองแนวไล่เชือดหรือหนังฆาตกรรม

เพราะส่วนใหญ่แล้วที่มันเกิดเรื่องก็มักจะเพราะมีใครไปทำอะไรที่ไม่สมควรทำน่ะครับ ไม่ว่าจะการไปก่อกวนบูลลี่คนอื่น, การปล่อยปละละเลยไม่ทำตามหน้าที่ความรับผิดชอบจนเกิดเรื่องร้ายตามมา, การไปเล่นชู้คบชู้นอกใจ หรือการไปทำเรื่องไม่ควรทำอีกมากมาย อะไรเหล่านี้บ้างก็เกิดเป็นพล็อตหนัง แต่บางครั้งก็กลายเป็นชนวนเหตุของการฆ่ากันจริงๆ ในโลกความจริง – จนอดคิดไม่ได้น่ะครับว่าบางเรื่องอย่าไปหาทำเลย จะได้ไม่เกิดเรื่องร้ายๆ ตามมา

อย่างเรื่องนี้ก็ตามนั้นครับ เรื่องมันเกิดเพราะมีเจ้าของห้างแห่งหนึ่งดันได้ไอเดียจะจัด Black Friday งานลดราคาครั้งใหญ่ในวัน Thanksgiving ลูกค้าเลยมากันแบบมืดฟ้ามัวดิน แต่เจ้าของห้างดันจัดยามมาคุมห้างแค่ 2 คน – แน่นอนว่ายามแค่นี้คุมอะไรไม่ได้หรอก – แล้วยังมีกลุ่มวัยรุ่นไปยั่วยุชาวบ้านอีก นรกเลยแตกครับ วันนั้นน่ะมีคนตายและคนเจ็บในห้างนั้นมากมายทีเดียว

ลองว่าหนังเกริ่นแบบนี้ก็เดาได้ไม่ยากล่ะครับว่าแรงจูงใจของฆาตกรประจำเรื่องมันต้องเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่มากก็น้อย ซึ่งจะเกี่ยวแคไหนเกี่ยวอย่างไรก็ตามไปดูกันได้น่ะนะครับ

ว่ากันที่ความคาดหวังก่อน อันนี้ยอมรับว่าตอนแรกก็แอบคาดหวังดีกรีความดิบและความโหด เพราะที่มาของหนัง Thanksgiving นี่เริ่มจากตัวอย่างหนังปลอมๆ ที่ฉายในหนังเรื่อง Grindhouse เมื่อปี 2007 โดยพล็อตของ Thanksgiving ฉบับนั้นจะว่าด้วยเด็กคนหนึ่งที่รักไก่งวงตัวหนึ่งแบบสุดหัวใจ แต่แล้วพ่อของเขากลับฆ่าไก่งวงตัวนั้นมาทำอาหาร เด็กคนนั้นเลยคลั่งแล้วฆ่าคนแบบยกครอบครัว แล้วเขาก็ถูกจับไปขังในสถานบำบัดจิต แล้วหลายปีต่อมาเขาก็หนีออกมา แล้วกลับมาฆ่าชาวเมืองในวัน Thanksgiving

คือดูจากโทนในตัวอย่างอันนั้นแล้วมันทั้งโหดทั้งดิบตามสไตล์หนัง Grindhouse น่ะครับ แต่กลายเป็นว่า Eli Roth มองว่าพล็อตนั้นน่าจะไม่เหมาะสำหรับการเอามาทำเป็นหนังจริง เลยมีการดัดแปลงโน่นนี่จนออกมาเป็นหนังเรื่องนี้แทน ซึ่งตัวหนังก็ถือว่าลงสูตรหนังเชือดน่ะครับ ตัวเอกหลักๆ คือกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องเผชิญกับฆาตกรลึกลับ แล้วพวกเขาก็ต้องพยายามสืบหาความจริง และในตอนท้ายเราก็จะได้ทราบว่าใครคือฆาตกรและมันทำไปเพื่ออะไร

Untitled07242

ยอมรับว่าอยากดูหนังดิบๆ โหดๆ แบบในตัวอย่างปลอมๆ มากกว่าครับ แต่ก็เข้าใจในหลายๆ เหตุผลนั้นแหละ พอหนังเป็นแบบนี้ก็ไม่เป็นไร ถ้าถามว่าโอเคไหม ผมก็ว่าโอเคอยู่ครับ มันอาจไม่สดใหม่หรือหวือหวาอะไร แต่ก็ถือเป็นหนังไล่เชือดลงสูตรที่ดูได้เพลินๆ เรื่องหนึ่ง หลายอย่างอาจเดาได้ไม่ยาก แต่ฉากฆ่ากันนี่ก็โหดใช้ได้อยู่ อันนี้ก็ไว้ใจ Roth อยู่พอสมควรครับ ถือว่าทำออกมาได้ไม่เลว ตอบโจทย์ที่พึงมีสำหรับหนังแนวเชือด และโดยส่วนตัวผมมองว่าพี่เขาทำหนังเรื่องนี้แบบเพลย์เซฟด้วยน่ะครับ คือไม่เล่นท่ายากอะไรมาก แต่เน้นท่ามาตรฐานที่ใช้ได้ผลมานักต่อนัก โดยรวมหนังเลยถือว่าโอเค

แต่ผมชอบตอนต้นเรื่องนะ ตอนที่เกิดจลาจลในห้างน่ะครับ มันสะท้อนความบ้าคลั่งของคนได้ดี แล้วก็ถือเป็นการเตือนให้เราตระหนักว่าหากเราไปอยู่ในสภาวะที่มีคนแน่นๆ จนน่ากลัวแบบนี้ ทางที่ดีควรหลบฉากออกมาดีกว่าครับ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นไหม ยิ่งคนเยอะสถานการณ์ยิ่งควบคุมยาก

และสิ่งหนึ่งที่รู้สึกระหว่างดูคือหนังแอบทำให้คนดูรู้สึกน่ะครับว่าคนที่โดนสังหารนั้นส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเพราะสิ่งที่พวกเขาทำลงไป เช่น บางคนก็เห็นแก่ตัวเกิน หรือบางคนก็กวนทรีนเกินอะไรแบบเนี้ย คือดูแล้วเข้าใจเลยว่าเพราะอะไรถึงทำให้คนผู้นั้นตกเป็นเป้า ซึ่งผมไม่ได้จะบอกว่าคนผู้นั้นควรตายนะครับ แต่เพียงหมายถึงว่า ก็คนผู้นั้นไปทำในสิ่งที่ไม่ควร จนมีคนแค้นเคืองและผูกใจเจ็บ เลยนำมาสู่บทลงเอยที่ไม่สวย – อันนี้ก็ย้อนไปถึงที่ผมบอกไว้ตอนต้นน่ะครับ ว่าบางครั้งเราก็อย่าหาทำในสิ่งที่ไม่ควรทำเลยจะดีกว่า

นั่นอาจเป็นหนึ่งในหนทางรอดในการดำเนินชีวิตน่ะครับ คือใช้ชีวิตไปตามวิถี แต่อย่าไประรานใคร อย่าไปเบียดเบียนใคร อย่าไปล่วงละเมิดใคร ฯลฯ จะได้ไม่เป็นการชักภัยเข้าหาตัว

มันคงจะดีนะครับถ้าหนังสยองขวัญช่วยทำให้คนตระหนักในบางสิ่ง ที่จะทำให้โลกแห่งความจริงเกิดเรื่องสยองน้อยลง

สรุปว่าเป็นหนังแนวเชือดที่ดูได้เรื่อยๆ ครับ สำหรับผมนี่ไม่ผิดหวังนะ หรือเพราะผมไม่คาดหวังก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดูแล้วมันก็ตอบโจทย์น่ะครับ สยองพอประมาณ โหดใช้ได้ ดาราก็เล่นกันได้เหมาะ ส่วนรายได้ก็ไม่เลว ทำไป $46.5 ล้านจากทั่วโลก ส่วนทุนสร้างนั้นประมาณ $15 ล้านครับ กำไรเหนาะๆ

สองดาวกว่าๆ ครับ

Star21

(6.5/10)