Action

The Ice Road (2021) เหยียบระห่ำ ฝ่านรกเยือกแข็ง

Untitled06370

การดูหนังป๋า Liam Neeson ของผมในระยะหลังๆ นี่อารมณ์มันจะคล้ายๆ กับตอนดูหนังยุคหลังของพี่ Steven Seagal น่ะครับ (หมายถึงยุคหลัง Under Siege แต่ก่อนถึงยุคหนังลงแผ่นน่ะนะครับ) คือไม่คาดหวังว่ามันจะเจ๋งแจ๋วแหว๋วอะไร แต่ขอให้ดูเอามันส์ได้สักเพลินนึงก็ดีใจแล้ว และสำหรับ The Ice Road เรื่องนี้ก็ถือว่าพอจะได้สักหนึ่งเพลินครับ

เรื่องนี้ป๋า Liam รับบทไมค์ แมคคานน์ คนขับรถบรรทุกมือเยี่ยมที่ล่าสุดต้องมารับงานเสี่ยงตาย เนื่องจากมีเหตุเหมืองถล่มทำให้บริษัทต้องการรถบรรทุกขนเครื่องขุดเจาะไปช่วยเหล่าคนงานที่ติดอยู่ใต้เหมือง แต่งานนี้ไม่ง่ายครับเพราะเขาจะต้องขับรถไปบนถนนน้ำแข็งที่อาจปริแตกได้ทุกเมื่อ ไหนจะยังมีเหตุไม่คาดคิดรอเขาอยู่อีกด้วย งานนี้เลยกลายเป็นงานมหาหินจนได้

ตอนแรกหนังทำท่าว่าจะเดินเรื่องแบบหนัง 2 แนวไปพร้อมกันครับ นั่นคือแนวแอ็คชั่นบนถนนสายน้ำแข็งสุดอันตราย บวกกับแนวภัยพิบัติที่เหล่าคนงานในเหมืองอากาศค่อยๆ หมดลงทุกขณะ แต่ไปๆ มาๆ หนังจะไปเน้นส่วนแรกมากกว่า ในขณะที่เรื่องคนงานเหมืองนี่เหมือนจะเงียบไปเลยในครึ่งหลัง แต่ก็พอเข้าใจล่ะครับเพราะเรื่องบนถนนมันมีอะไรให้เล่นเยอะกว่า หนังเลยเทน้ำหนักมาที่เรื่องบนถนนแทน

และตอนแรกผมก็คิดนะว่าเรื่องบนถนนนี่มันคงเกี่ยวกับความเปราะบางของถนนน้ำแข็งเป็นหลัก แต่ไปๆ มาๆ มันกลับมีอะไรมากกว่านั้นครับ ซึ่งก็ถือว่าเข้าท่านะ มันทำให้หนังมีปมให้ตาม มีเรื่องให้ลุ้น และมีความตื่นเต้นลุ้นระทึกตามมาเรื่อยๆ

พูดแบบไม่อ้อมค้อม หนังยังไม่ถึงกับเจ๋งสุดๆ ครับ และระหว่างการดูก็จะมีจุดนั้นจุดนี้ให้ตะหงิดๆ ในหัว มีเรื่องชวนให้เอ๊ะและอิหยังวะอยู่ไม่น้อย แต่พอเจออะไรแบบนั้นไปสักพักผมก็พยายามหลับหูหลับตาล่ะครับ ไม่นั่งคิดอะไรมากแล้วตั้งหน้าตั้งตาดูไปว่าหนังจะพาเราไปไหน ครั้นพอดูจนจบผมก็รู้สึกโอเคนะ คือหนังอาจอ่อนเหตุผลในบางประเด็น แต่โดยรวมๆ หนังก็ดูเอามันส์ได้ มีซีนให้ลุ้นระทึกเสิร์ฟเป็นพักๆ ลุ้นมากลุ้นน้อยว่ากันไป แต่ก็รู้สึกน่ะครับว่าหนังก็พยายามแล้วล่ะที่จะทำให้คนดูรู้สึกตื่นเต้นที่สุดเท่าที่วัตถุดิบที่มี (รวมถึงทุนที่มี) พอจะทำได้

Untitled06371

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ป๋า Liam ยังคงเป็นบุคคลอันทรงคุณค่าสำหรับผมอยู่ครับ หนังจะสนุกมากสนุกน้อย ดีมากดีน้อยแค่ไหนก็เถอะ แต่ป๋าแกเล่นได้ดีและเข้าถึงบทบาทได้เสมอ โดยเฉพาะฉากเวลาห่วงใยน้องชายนี่ถึงมากๆ แววตาสีหน้าท่าทางมาหมดครับ ดูแล้วเชื่อจริงๆ ว่าป๋าเขากำลังห่วงน้องมากมายแค่ไหน – สำหรับผมนี่ ดูเรื่องนี้เพราะป๋า Liam เป็นหลักเลยครับ เขาทำให้หนังดูน่าติดตาม

ดาราในเรื่องก็ถือว่าดีครับ Laurence Fishburne ก็มีบทไม่มากนักตามที่เดาไว้ Benjamin Walker ก็ดูเหมาะกับบทสไตล์นี้ดี แล้วผมก็แอบดีใจที่ได้เจอดาราหน้าคุ้นโผล่มาร่วมจอครับ รายแรกคือ Holt McCallany ในบทแลมพาร์ด หนึ่งในคนงานเหมืองที่พยายามช่วยคนให้มากที่สุด, Matt McCoy แห่ง Police Academy 5 และ 6 มาเป็นผู้จัดการเหมืองที่บทมีอะไรมากกว่าที่คิด และ Matt Salinger อดีตกัปตันอเมริกา (ฉบับ 1990 ที่สร้างออกมาแล้วล่ม) มารับบทซีอีโอที่มีบทตอนท้ายนิดหน่อย

ส่วนผู้กำกับคือ Jonathan Hensleigh ครับ รายนี้ขยับขยายมาจากสายเขียนบท หนังอย่าง Die Hard with a Vengeance, Jumanji และ Armageddon นี่ก็ฝีมือเขาล่ะ ส่วนงานกำกับก็มี The Punisher (ฉบับ Thomas Jane) แล้วก็ Kill the Irishman ที่จัดว่าน่าจดจำ ส่วนเรื่องนี้ว่าตามจริงผลลัพธ์ของหนังก็ยังไม่กลมกล่อมเต็มร้อยครับ ช่วงที่สนุกชวนลุ้นก็มี แต่ช่วงที่ดูโหวงๆ โหว่ๆ ก็มีอยู่บ้าง ยังไม่ราบรื่นสม่ำเสมอนัก แต่ก็นั่นแหละครับ ถ้าหลับตาข้างหนึ่งแล้วดูมันก็ถือว่าโอเค เป็นหนังแอ็คชั่นระทึกขวัญที่ให้ความบันเทิงได้พอสมควร

มีข่าวว่าหนังจะทำภาคต่อครับ ป๋า Liam ก็จะกลับมาเล่น พร้อม Hensleigh จะกลับมากำกับ ก็ดูกันต่อไปครับว่าหนังจะเป็นยังไง – ผมก็ยึดหลักง่ายๆ ว่า “ถ้าทำออกมา ก็กล้าตามไปดูเสมอ”

สองดาวครับ

Star21

(6/10)