
ดูเรื่อง Blacklight นี่ก็เพราะป๋า Liam Neeson ล้วนๆ ครับ ส่วนหนังจะสนุกมากสนุกน้อยค่อยว่ากันอีกที
ดูเรื่อง Blacklight นี่ก็เพราะป๋า Liam Neeson ล้วนๆ ครับ ส่วนหนังจะสนุกมากสนุกน้อยค่อยว่ากันอีกที
ดู Memory แบบไม่คาดหวังครับ เป็นการดูแบบเพลย์เซฟ เพราะหนังระยะหลังของป๋า Liam Neeson มักอยู่ในระดับดูได้ แต่ไม่เด็ดแบบจัดๆ และสำหรับเรื่องนี้ก็ถือว่าตามนั้นครับ ไม่ได้สนุกแบบสุดๆ แต่อาจเป็นเพราะผมไม่คาดหวังนี่แหละเลยรู้สึกโอเคกับหนังมากกว่าที่คิด ดูจบแล้วไม่รู้สึกผิดหวัง
Liam Neeson กับหนังแนวประจำของเขาครับ 10 กว่าปีที่ผ่านมานี้ป๋าแกตะบันบู๊โดยเฉลี่ยคือปีละเรื่องกว่าๆ จนอดคิดไม่ได้ครับว่าทำไมมีคนขยันมาหาเรื่องป๋าเขาบ่อยจัง จริงๆ โหงวเฮ้งป๋าเขาออกจะดูมีบารมีนะ ดูเป็นคนมีของ ไม่น่ามีใครมาหาเรื่องถี่แบบนี้ (555)
หลังดู The Marksman จบ ผมมีความรู้สึก 2 แบบเกิดขึ้นครับ แยกออกเป็น รู้สึกต่อตัวหนัง กับ รู้สึกต่อตัวเรื่อง
แฮร์รี่ โรว์ลิ้ง (Liam Neeson) กับสมาชิกโจรในแก๊งอีก 3 คนที่ร่วมกันปล้นมาแล้วหลายครั้งหลายหน แต่งานครั้งล่าสุดกลับเกิดความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ส่งผลให้พวกเขาต้องเสียชีวิตกันทั้งหมด
ดูจบแล้วตระหนักเลยครับว่า “Men in Black ไม่ใช่หนังที่ใครจะมาทำก็ได้”
กระผมขอลั่น สั้นๆ เลยว่า Ted 2 มันโดนใจจริงๆ!
Run All Night เหมือนเป็นการเอา Taken มาเจอกับ Road to Perdition แล้วเล่าในสไตล์ A Walk Among the Tombstones ครับ ^_^
ขอแบ่งการพูดถึง Taken 3 ออกเป็น 2 ช่วงนะครับ ช่วงแรกเป็น Softcore อ่านเบาๆ และช่วงหลังเป็น Hardcore ขอจัดเต็ม 555
การท่องคาถา “อย่าคาดหวังมากนะเออ” ถือเป็นเคล็ดที่ขาดไม่ได้ยามจะดูหนังภาคต่อสักเรื่อง โดยเฉพาะภาคต่อที่ภาคแรกดันทำไว้เทพมากๆ