Come Play ถือเป็นหนังสยองที่มาในขนบที่คุ้นเคยสำหรับคอหนังสยองแนวคำสาปหลอนหรือปีศาจตามล่าครับ
โอลิเวอร์ (Azhy Robertson) คือเด็กออทิสติกที่ต้องอยู่อย่างเหงาๆ เพราะไม่มีเพื่อนมาเล่นด้วยครับ แต่แล้วเขาก็ถูกจับจ้องโดยปีศาจตนหนึ่งที่ชื่อว่าแลร์รี่ ปีศาจตนนี้พยายามติดต่อโอลิเวอร์ผ่านทางอุปกรณ์อย่างแท็ปเล็ต… มันอยากได้โอลิเวอร์เป็นเพื่อนครับ
ใครที่เคยผ่านหนังอย่าง The Ring, Ouija, Lights Out หรือ Mama มาแล้ว ก็ถามตัวเองได้เลยครับว่าอยากดูหนังสไตล์นี้อีกไหม ถ้าคำตอบคืออยากดู ผมว่าเรื่องนี้ก็ดูได้ไม่เลวครับ คือมันอาจไม่ได้เด็ดขาดหรือแปลกใหม่จนขึ้นหิ้ง แต่อย่างน้อยหนังก็มีองค์ประกอบที่หนังสยองสไตล์นี้ควรมีแบบครบครัน
มุกหลักของหนังคือบรรยากาศสยองแบบ “หลอนตอนอยู่คนเดียว” ครับ มันจะมีเหตุให้ตัวละครหลักในเรื่องต้องอยู่ที่ไหนสักแห่ง อยู่แบบเงียบๆ คนเดียวไปพักหนึ่ง ทุกอย่างจะดูปกติไม่มีอะไร (นอกจากความวังเวง) ก่อนที่จะเริ่มมีเสียงแปลกๆ หลอดไฟเริ่มติดๆ ดับๆ เครื่องมือเครื่องใช้เริ่มอยู่ไม่สุข ซึ่งก็คือสัญญาณครับว่ามีอะไรบางสิ่งมาเยือนแล้ว ที่เหลือก็แค่ว่ามันจะแค่มาหลอกมาป่วน หรือมันจะมาก่ออันตราย
สารภาพว่าไม่ถึงกับตกอกตกใจอะไรมากครับ ส่วนหนึ่งคงเพราะดูหนังแนวนี้มาเยอะจนเริ่มชิน ตอนไหนบรรยากาศเริ่มเงียบนี่สมองจะดีดผึงเลยว่า “เตรียมตัว มันมาแล้ว” แล้วก็ตั้งรับกันไปว่ามันจะมาท่าไหน
ซึ่งท่าประจำสำหรับฉากแบบนี้คือกระบวนท่า “ตูนึกแล้วว่ามันต้องแฮ่” มันต้องมีเสียงหลอกเราหรือสถานการณ์หลอกเราให้สนใจไปที่อะไรสักอย่าง แล้วเราจดจ่อกับสิ่งนั้นๆ แล้วสักพักก็จะมีอะไรบางอย่างจู่โจมเข้ามาในฉาก – ซึ่งมันมักจะไม่ใช่ผีครับ แต่เป็นอย่างอื่นโผล่มาให้ตกใจเล่น เช่น คนโผล่มา ของตก หรือสิงสาราสัตว์โดดเข้าจอ – แล้วพอเราโล่งอก (แต่ยังไม่หายตกใจ) ผีก็จะพุ่งมาอีกทาง ถ้าใครตั้งรับไม่ทันก็ตกใจกันไป แต่ถ้าใครรุ้ทางก็อาจสะดุ้งนิดนึง ก่อนจะบอกกับตัวเองว่า “ตูว่าแล้วว่ามันต้องแฮ่”
มุกหลอกหลอนในหนังค่อนข้างเดิมๆ ครับ แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้โอเค คนขวัญอ่อนน่าจะพอตกใจอยู่บ้าง ส่วนผมก็อย่างที่บอกครับว่าออกแนวรู้ทันเลยไม่ถึงกับติดใจอะไร แต่ก็มีมุกที่ชอบนะครับ ชอบฉากที่มาร์ตี้ (John Gallagher Jr.) พ่อของโอลิเวอร์ที่ทำงานในที่จอดรถ แล้วก็ต้องอยู่ในบูทเฝ้าอยู่คนเดียว จุดที่ชอบไม่ใช่มุกตุ้งแช่ครับ แต่ชอบ “มุกกระดาษปลิว” ดูสร้างสรรค์เข้าท่า และสร้างอารมณ์หลอนได้ไม่เลว
หนังกำกับโดย Jacob Chase ครับ โดยเรื่องนี้เขาต่อยอดมากจากหนังสั้นเรื่อง Larry ที่เขาทำไว้เมื่อปี 2017 เรื่องของคนเฝ้าลานจอดรถที่ต้องเจอกับความหลอนแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งลีลาการทำหนังของเขาก็ถือว่าน่าพอใจครับ กระบวนท่าอาจยังไม่โดดเด่น แต่ก็ถือว่าได้มาตรฐานสำหรับหนังสไตล์นี้
โดยรวมแล้ว ถือเป็นหนังสยองที่ดูได้เรื่อยๆ ครับ ไม่ถึงกับเจ๋งจั๋งหนับ แต่ก็ดูเอาหลอนได้บ้าง แต่ผมชอบบทสรุปของเรื่องนะครับ เป็นอะไรที่มีความหมายดี – ว่าง่ายๆ คือเรื่อยๆ มาทั้งเรื่อง แต่มารู้สึกบวกกับหนังเอาตอนบทสรุปนี่แหละ ซึ่งบทสรุปนี้เอาเข้าจริงไม่ได้แปลกใหม่ แต่มันให้ความรู้สึกเชิงบวกครับ
ส่วนตัวแล้วผมชอบบทสรุปแบบนี้มากกว่าบทสรุปแบบ “หลอนทิ้งท้ายเผื่อสร้างภาคต่อ” น่ะครับ
สองดาวครับ
(6/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Drama, Horror, Mystery