Action

Code of Honor (2016) ล่าแค้นระเบิดเมือง

Untitled08817

พันเอกโรเบิร์ต ไซค์ส (Steven Seagal) อดีตผู้บัญชาการสูงสุดของหน่วยรบพิเศษได้ผันตัวเองเป็นศาลเตี้ยเพื่อกวาดล้างเหล่าร้ายในเมือง แต่เมื่อวิธีของเขาเริ่มล้ำเส้นทำให้เพื่อนเก่าอย่างวิลเลี่ยม พอร์เตอร์ (Craig Sheffer) ต้องโดดลงมาขวางทาง และในที่สุดการเผชิญหน้าระหว่างพวกเขาก็เป็นเรื่องที่มิอาจเลี่ยง

ดูแบบไม่คาดหวังเหมือนเดิมครับสำหรับหนังของพี่ Seagal และผลลัพธ์สำหรับ Code of Honor จะว่าไปก็ไม่ถึงกับแย่นะครับ ผมว่าพอดูได้ และอาจจะเรียกได้ว่าอยู่ในข่ายเข้าท่าเลยสำหรับหนังระยะหลังๆ ของพี่เขา

จุดเข้าท่าอย่างแรกคือดาราในเรื่องแสดงกันได้ไม่เลว พี่ Seagal มีบทไม่มากครับ (และมีการบันทึกไว้ด้วยว่าตัวละครของพี่เขาในเรื่อง ไม่พูดอะไรเลยจนถึงนาทีที่ 48) คนที่เด่นจริงๆ ต้องยกให้ Sheffer (Hellraiser: Inferno) ที่ถือว่าเล่นได้ไม่เลว ฉากเปิดตัวของเขานี่มาพร้อมบทสนทนาที่น่าสนใจดี กับอีกคนที่ถือว่าเล่นแล้วเวิร์กก็คือ Louis Mandylor (ซีรี่ส์ Martial Law ที่หงจินเป่านำแสดง) ในบทนักสืบปีเตอร์สันที่มีหน้าที่ตามคดีของไซค์ส ซึ่ง 2 รายนี้ถือเป็นดารามืออาชีพครับ แม้ชื่อจะไม่ดังอะไรมาก แต่ด้วยความที่อยู่ในวงการมานาน การแสดงของพวกเขาเลยถือว่าได้มาตรฐานอยู่

นอกจากนี้ยังมี James Russo (The Ninth Gate) และ Helena Mattsson (Species: The Awakening) ซึ่งรายแรกบทไม่เยอะครับ ส่วนรายหลังก็ถือว่ามาเสริมด้านอ่อนโยนให้กับหนังได้โอเคในระดับหนึ่ง

Untitled08818

ก็ว่าไปตามความรู้สึกครับ มาตรวัดในใจผมง่ายๆ เลยว่าหนังโอเคไหมก็คือถ้าดูแล้วยังรู้สึกอยากดูต่อก็แสดงว่าหนังพอได้ แต่ถ้าดูแล้วอยากกรอเดินหน้าผ่านไปไวๆ ก็แสดงว่าหนังไม่โดน และสำหรับเรื่องนี้ผมโอเคที่จะดูไปเรื่อยๆ ครับ ดาราโอเค การเดินเรื่องก็โอเค อาจไม่ได้สนุกมากมาย แต่ก็ไม่ได้แย่ (นี่คือเทียบกับหนังระยะหลังของพี่ Seagal นะครับ) ดูรู้เรื่อง ดูแล้วรู้สึกอยากรู้ว่าเรื่องมันจะไปทางไหนต่อ – ถ้าดูแล้วได้ความรู้สึกราวๆ นี้ ก็นับว่าใช้ได้

หนังกำกับโดย Michael Winnick ที่ผมเคยมีโอกาสได้ดูผลงานของเขาเรื่องยาวเรื่องแรกของเขาอย่าง Deuces ที่ว่าด้วยเรื่องของมิติคู่ขนาน แม้หนังจะไม่เด็ด แต่ดาราผู้หญิงในเรื่องสวยดี (555) ในแง่ความเป็นหนังก็ถือว่าพอได้ พอมาเรื่องนี้ผมโอเคตรงที่หนังเล่าเรื่องแล้วรู้เรื่องน่ะครับ ไม่ได้เดินเรื่องเปะปะไปมา และฉากที่ถูกใส่ลงมาก็ถือว่ามีผลต่อเนื้อเรื่อง – ไม่ได้ยัดๆ ลงมาเพื่อให้เวลาครบเพียงอย่างเดียว

ยืนยันอีกครั้งว่าหนังไม่ได้ดีมากมายอะไรครับ แต่ถือว่าเข้าท่าหากเทียบกับผลงานระยะหลังๆ ของพี่ Seagal ถือว่าดูได้เรื่อยๆ มีปมให้ติดตาม ดาราเล่นกันได้โอเคตามมาตรฐาน และอีกอย่างคือตอนไคลแม็กซ์มีฉากออกหมัดประมือของพี่ Seagal ด้วย ฉากทำนองนี้แม้จะมีน้อย แต่ตากล้องจับภาพได้เหมาะ ได้เห็นพี่เขาออกหมัดซัดแบบเต็มตัว – ยอมรับเลยว่าพอได้เห็นฉากแบบนี้แล้วมันดีใจน่ะครับ ได้เห็นพี่ Seagal แกตะบันหมัดพึ่บพั่บซะที หลังจากไม่ได้เห็นมานานพอควร

ไม่ใช่หนังที่ต้องดู แต่หากเป็นแฟนพี่ Seagal ผมว่าเรื่องนี้ดูได้ ไม่เลวครับ

ดาวครึ่งครับ

Star12

(5/10)