Phone Booth เรื่องนี้มันส์มากมายครับ ชอบตั้งแต่สมัยดูในโรง ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานชั้นดีของผู้กำกับ Joel Schumacher ผู้ล่วงลับ
เรื่องของ สตู เชฟเพิร์ด (Colin Farrell) ชายหนุ่มจอมเห็นแก่ตัวที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง แล้วความซวยก็มาถึงครับ เมื่อเขาดันไปรับโทรศัพท์ในตู้แห่งหนึ่งเข้า จากนั้นเขาก็โดนดึงเข้าไปสู่เกมนรกที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง เมื่อปลายสายบอกมาว่า หากกล้าก้าวออกไปจากตู้ ก็จะโดนยิงตายคาที่ทันที
หนังดูเป็นอะไรที่สมัยใหม่อยู่ แต่เชื่อมั้ยครับว่าจริงๆ แล้วพล็อตเรื่องนั้น Larry Cohen ผู้เขียนบทเขาคิดไว้ตั้งแต่ช่วงปี 1960 แล้ว ตอนนั้นเขาได้คิดบทเรื่องนี้ขึ้น และเอาไปเสนอต่อผู้กำกับ Alfred Hitchcock ซึ่งทั้งเขาและ Hitchcock ก็อยากจะทำหนังเรื่องนี้มากเลยครับ แต่เผอิญยามนั้นพวกเขายังหาอะไรที่มันสมเหตุสมผลไม่ได้ ว่าจะทำไงให้คนต้องโดนกักอยู่ในตู้โทรศัพท์ งานตอนนั้นเลยพับไป
พอมาถึงช่วงยุค 90 Cohen ก็คิดได้ว่าจะเอาเรื่องเกี่ยวกับมือปืนสไนเปอร์ใส่ลงมาเพื่อเป็นเหตุผลว่าทำไมตัวละครถึงต้องโดนกักอยู่ในตู้ พอพล็อตได้ที่ทีนี้ก็เอาไปเสนอ ก็ปรากฏว่าโปรเจคท์ได้ไฟเขียวครับ และผู้กำกับรายแรกที่สนใจจะมาทำก็คือ Schumacher นั่นเอง แต่ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายบอกปัดเพราะอยากไปกำกับ Flawless (นำแสดงโดย Robert De Niro และ Philip Seymour Hoffman) มากกว่า
ผู้กำกับรายต่อๆ มาก็คือ Mel Gibson, Steven Spielberg, Allen Hughes และ Albert Hughes (รายหลังนี้โบกมืออำลาเมื่อโปรเจคท์ From Hell ของพวกเขาได้ไฟเขียว) และมีข่าวว่าจะให้ Michael Bay มากำกับ และมี Will Smith มาแสดงด้วย แต่พอเวลาผ่านไป ยังไม่มีอะไรคืบหน้าโปรเจคท์เลยไม่ไปไหนครับ จน Schumacher กำกับเรื่อง Flawless เสร็จ เขาเลยกลับมาจับงานนี้อีกครั้ง
ผลที่ได้คือความสนุกและลุ้นตลอด 78 นาทีของหนังครับ หนังกดดันและระทึกมากๆ ซึ่งก็ต้องชมที่การแสดงของ Farrell ด้วยครับ พี่แกเล่นได้ยอดมากๆ พอๆ กับ Forest Whitaker ในบทสารวัตรแรมซี่ย์ที่หาทางช่วยพระเอกอยู่ ส่วนดาราสาวอีกสองคนในเรื่องก็คือ Radha Mitchell ในบท เคลลี่ ภรรยาของสตู และ Katie Holmes ในบทพาเมล่า แมคเฟดเดน นักแสดงสาวที่สตูตั้งใจจะหาเศษหาเลยกับเธอ แต่ละคนก็ทำหน้าที่ได้ดีครับ
แต่คนที่ต้องเรียกว่าอภิมหาเยี่ยม ก็คือ เจ้ามือปืนซุ่มยิงตัวร้ายนี่แหละครับ (ไม่บอกแล้วกันนะว่าใคร ใครยังไม่เคยดูอยากให้ลองไปหาคำตอบกันครับ) พี่แกไม่ได้แสดงด้วยท่าทางครับ ตลอดทั้งเรื่องพี่ท่านมาแต่เสียง ซึ่งผมว่าไม่ใช่ของง่ายเลยนะครับ ไม่มีแววตา ไม่มีมือไม้ ไม่มีสีหน้าใดๆ ต้องใช้เสียงเป็นสื่ออย่างเดียว และเขาก็สามารถสื่อออกมาได้อย่างถึงอารมณ์อย่างแรง
ตอนนั้นมีหลายคนเข้าใจว่าหนังเรื่องนี้สร้างโดยได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริง ที่มีมือปืนซุ่มยิงไล่ฆ่าคนที่รัฐแมรี่แลนด์, เวอร์จิเนีย และ วอชิงตัน ดีซีเมื่อปี 2002 แต่จริงๆ บทหนังเขียนบทมานานแล้วดังที่บอกไป และหนังสร้างเสร็จก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย แต่พอหนังจะฉายก็มีเหตุไล่ยิงกุันเกิดขึ้น ทำให้ทาง 20th Century Fox บริษัทผู้สร้าง (ในตอนนั้น) ตัดสินใจเลื่อนการฉายออกไปครับ
ตัวหนังถือว่าทำเงินสวยงามครับ ทำไป $97.8 ล้าน จากทุนประมาณ $13 ล้าน ถือเป็นงานที่คืนฟอร์มอีกเรื่องของผู้กำกับ Schumacher หลังจากช่วงนั้นเป๋ไปกับ Batman & Robin
ก็ถ้าอ่านเนื้อเรื่องแล้วสนใจ ก็ไม่ต้องรอรี รีบหามาดูทันทีครับ ไม่ผิดหวังแน่ๆ
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)
หมวดหมู่:Action, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Thrillers