
อะฮ้า อย่าคิดว่าฮอลลีวู้ดเขาเพิ่งมาบ้ารีเมกกันตอนหลังๆ นะครับ เพราะเขาขยันรีเมกกันมานานตั้งแต่หนังเพิ่งเกิดใหม่ๆ แล้ว
อะฮ้า อย่าคิดว่าฮอลลีวู้ดเขาเพิ่งมาบ้ารีเมกกันตอนหลังๆ นะครับ เพราะเขาขยันรีเมกกันมานานตั้งแต่หนังเพิ่งเกิดใหม่ๆ แล้ว
ก่อนอื่นต้องขอบคุณ Youtube ล่ะครับ ที่ทำให้ผมได้ควานหาหนังหายากมาดูซะฉ่ำอุรา เพราะหนังเรื่องนี้บอกตามตรงว่าไม่มีทางได้ดูในบ้านเราแน่นอนไม่ว่าทางไหนๆ ขนาดแผ่น DVD ยังต้องลุ้นเลยครับ (ซึ่งผมว่าก็ยังไม่เคยเจอนะ) และตัวหนังเองก็ได้ชื่อว่ายอดเยี่ยมระดับตำนานอีกหนึ่งเรื่องเช่นกัน ของแบบนี้มันต้องลองกันหน่อย
นี่น่าจะเป็นหนังดีที่ผมพิมพ์รายละเอียดรีวิวน้อยที่สุดเรื่องหนึ่งเลยล่ะครับ
เรื่องนี้ถือเป็นภาคต่อของหนังชุด Frankenstein (ถือเป็นตอนที่ 5) และ The Wolf man (ถือเป็นตอนที่ 2) ครับ กับการจับเอา 2 มอนสเตอร์ระดับตำนานของ Universal มาเจอกัน
เรื่องราวตอนที่ 4 ในหนังชุด Frankenstein ของค่าย Universal Pictures นะครับ
นี่คือเรื่องราวตอนที่ 3 ในหนังชุด Frankenstein ที่แสนคลาสสิกของค่าย Universal Pictures นะครับ ต่อจาก Frankenstein (1931) และ Bride of Frankenstein (1935)
Bela Lugosi ดาราเจ้าตำรับบทแดร็กคูล่าคนนี้เป็นอีกหนึ่งดาราที่ผมชอบมากเลยนะครับ ไม่ว่าจะหน้าตา ท่าทาง แคแร็คเตอร์ก็ดูเหมาะจะแสดงบทลึกลับที่ดูมีอำนาจ พวกจอมปีศาจหรือนักวิทยาศาสตร์นี่ผมว่าเหมาะจริงๆ ครับ
เชิญท่านทั้งหลายพบกับภาพยนตร์เจ้าของตำแหน่ง “หน้งแย่ที่สุดตลอดกาล” (Worst movie ever made) โดย “ผู้กำกับที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยมี” (The worst director ever)
คราวก่อนติดใจหน่อยๆ ครับกับรสมือประหลาดๆ ของผู้กำกับ Edward D. Wood Jr. เจ้าของตำแหน่งผู้กำกับที่ทำหนังได้แย่ที่สุดในโลก ซึ่งผมว่าหนังเขาก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกครับ มีที่แย่กว่ามากมาย แต่อาจเพราะเขาทำหนังส่วนมากจะเป็นฟอร์มใหญ่ไงครับ เลยเป็นที่จับตา แล้วพอทำออกมาก็จับไข้กันไปตามๆ กัน
จู่ๆ วันนี้ผมก็ถามตัวเองว่า ถ้าคนกำกับ Ed Wood ไม่ใช่ Tim Burton แล้วล่ะก็ ตัวผมเมื่อ 20 ปีก่อนยังจะดูหนังเรื่องนี้ไหม