
และนี่คือเรื่องที่ 5 ของหนังชุด A Cinderella Story ครับ มาในชื่อตอนว่า Christmas Wish
และนี่คือเรื่องที่ 5 ของหนังชุด A Cinderella Story ครับ มาในชื่อตอนว่า Christmas Wish
ภาคนี้คดีมาเกิดกับตัวออโรร่า (Candace Cameron Bure) โดยตรงเลยครับ เมื่อจู่ๆ สมาคม Real Murders Club ของเธอถูกค้นและทำลายข้าวของจนกระจุย มิหนำซ้ำยังมีภาพถ่ายทิ้งไว้พร้อมข้อความที่หยิบยกมาจากวรรณกรรมเรื่องดัง แล้วมันไม่หยุดแค่นี้ครับ ยังเกิดเรื่องกับคนใกล้ตัวของออโรร่า พร้อมมีข้อความทิ้งไว้ทุกครั้งอีก
มาถึงภาค 5 กันแล้วนะครับ ภาคนี้มิค (Jack Wagner) กับโอลิเวีย (Josie Bissett) พยายามจะทำเซอร์ไพรส์อีกฝ่ายครับ ประมาณว่ากำลังจะใกล้ถึงวันครบรอบการเดตกันครั้งแรกเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ต่างฝ่ายต่างเลยแอบซุ่มทำสิ่งพิเศษเอาไว้ให้อีกฝ่ายประหลาดใจ อันนำมาสู่เรื่องวุ่นนิดๆ และที่สำคัญคือทำให้คนกลางอย่างดุ๊ค (Aaron Pearl) ต้องเหนื่อยแล้วเหนื่อยอีก
เทสส์ ฮาร์เปอร์ (Lacey Chabert) ต้องไขคดีฆาตกรรมอีกครั้งเมื่อไลล์ (Kyle Buchanan) เพื่อนของเธอที่เพิ่งเจอกันล่าสุดเมื่อ 5 วันก่อนกลับถูกสังหารในห้องพัก โดยไลล์กำลังจะแต่งงานครับ เขาขอให้เทสส์ช่วยทำปริศนาอักษรไขว้เพื่อขอแฟนแต่งงาน แต่เขากลับมาตายไปเสียก่อน
เกิดคดีฆาตกรรมขึ้นที่ไนติงเกลแกลลอรี่ครับ นอกจากมีคนถูกฆ่าแล้วงานศิลป์ยังหายไปด้วย เจ้าหน้าที่โลแกน โอ คอนเนอร์ (Brennan Elliott) ได้รับมอบหมายให้สืบสวนคดี แล้วทีนี้บรรณาธิการผู้ชำนาญปริศนาอักษรไขว้ (Crossword) อย่าง เทสส์ ฮาร์เปอร์ (Lacey Chabert) ก็ค้นพบว่ามีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่ในปริศนาอักษรไขว้ครับ เธอเลยสนใจคดีนี้และโดดเข้ามาร่วมสืบกับโลแกนด้วย
เขาว่า Extreme Job สนุกก็เลยจัดมาครับ กะผ่อนคลาย ซึ่งหนังก็ถือว่าโอเคครับ เพียงแต่อาจจะไม่ได้เข้าทางผมซะทีเดียวเท่านั้นเอง
สำหรับผมแล้ว ความสนุกของ Knives Out ไม่ได้อยู่ตรงการเดาตัวฆาตกร (เพราะสารภาพตามตรงว่าพอจะเดาได้ตั้งแต่แรกๆ แล้ว) แต่มันสนุกเพราะหนังมีองค์ประกอบดีๆ มาผสมกันอย่างพอเหมาะ ไม่ว่าจะทีมดารามือดี การเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิง มีรายละเอียดและมีอะไรให้ตามอยู่เรื่อยๆ และโทนของเรื่องที่ไม่หนักไม่เบาจนเกินไป ดูแล้วได้อารมณ์หนังสืบสวน แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เรายิ้มได้เป็นระยะๆ
เซอร์โคล (Josh Whitehouse) อัศวินจากยุคอดีตได้ทะลุเวลามายังโลกปัจจุบัน แล้วก็พบกับบรูค (Vanessa Hudgens) ครูสาวผู้น่ารัก ลองว่าเล่าเปิดมาประมาณนี้แล้วก็คงพอเดาได้นะครับว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาจะได้ลงเอยกันหรือไม่
สิ่งแรกที่ต้องบอกให้เตรียมตัวก่อนดูสารคดี Iron Fists and Kung Fu Kicks เรื่องนี้คือ ต้องทำใจกับช่วงต้นๆ สักหน่อยครับ เพราะมันมาพร้อมการตัดต่อที่ฉับไว ภาพเปลี่ยนฟึ้บฟั่บ คนที่มาให้สัมภาษณ์ประกอบก็มาแบบฟึ้บฟั่บ พูดง่ายๆ คือท่านอาจจะมึนได้ครับโดยเฉพาะถ้าท่านไม่ได้มีพื้นความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับหนังกังฟู การนำเสนอมันจะรวดเร็วจนผมยังแอบมึน
หนังบางเรื่องยิ่งรู้รายละเอียดน้อยจะยิ่งดูสนุก และ I See You เรื่องนี้ก็อยู่ในข่ายนั้นครับ