เหตุผลในการดูคืออยากเห็นเจ้าป้า Sally Field มาแสดงในบทปล่อยแก่แบบน่ารักๆ ครับ และผมก็ไม่ผิดหวังนะ เธอเล่นได้ดีและน่ารักกำลังเหมาะทีเดียว
เหตุผลในการดูคืออยากเห็นเจ้าป้า Sally Field มาแสดงในบทปล่อยแก่แบบน่ารักๆ ครับ และผมก็ไม่ผิดหวังนะ เธอเล่นได้ดีและน่ารักกำลังเหมาะทีเดียว
จู่ๆ ผมก็หยิบหนังเรื่องนี้มาดู (หลังจากเอามาดองไว้นานพอดู) ระหว่างดูก็ถามตัวเองว่าอารมณ์ไหนถึงอยากดู แล้วก็พอจะได้คำตอบเลาๆ ว่า สงสัยคงเพราะเห็นข่าวเลือกตั้งของสหรัฐบ่อยมั้ง
หนังดราม่าผสมตลกที่ตอนแรกผมนึกว่าจะเป็นสไตล์ “แม่ๆ ลูก” แต่เอาเข้าจริงแล้วหนังมาเน้นที่ตัวคุณแม่ครับ ส่วนคุณลูกออกแนวบทสมทบเสริมเรื่องราวมากกว่า
พอมาลองนึกๆ ดูแล้ว ผมว่าผมจำ Clive Owen ได้แบบแม่นๆ จากบทอาร์เธอร์ใน King Arthur ครับ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ห่างหายจากบทอัศวินทำนองนี้ไปเลย จนกระทั่งมาถึงเรื่องนี่นี่แหละ
หนังสือรุ่นของนักเรียนฝรั่งบางครั้งเขาจะมีการแซวกันใต้รูป หรือไม่ก็เขียนกึ่งๆ ทำนายว่า ใครน่าจะโตขึ้นไปเป็นอะไร ซึ่งก็มักใช้คำว่า Most Likely นี่แหละครับ ประมาณว่า “เป็นไปได้ว่าจะเป็น…” อะไรทำนองนั้น
เรื่องนี้ผมตื่นเต้นมากตอนได้ยินข่าวว่าจะทำน่ะนะครับ เพราะในที่สุด Adam Sandler กับ Rob Schneider โคจรมาเจอกันอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ร่วมงานกันมาตั้ง 5 ปี (จนถึงกับมีข่าวลือว่าพวกเขามีปัญหากันน่ะครับ)
เรื่องนี้ก็ดูแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้เหมือนกันครับ ไม่รู้รายละเอียดเลย รู้แค่ชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า “ปิดกรุงเทพ” ก็เลยสงสัยว่ามันเกี่ยวอะไรกับประเทศไทย
ว่าตามจริงผมชอบหนังเรื่องนี้นะ ชอบคอนเซปต์ ชอบองค์ประกอบอะไรหลายๆ อย่างในหนัง เรียกว่าถ้ามองในแง่งานสร้าง ถือว่าสร้างสรรค์ทีเดียวครับ และถ้ามองในแง่เนื้อเรื่องจริงๆ ผมว่ามันส์นะ
เห็นชื่อดารานำอย่าง Brandon Routh, Caity Lotz และ Tom Cavanagh แล้วตอนแรกก็นึกล่ะครับว่ามันจะเป็นหนัง Crossover กับซีรี่ส์ Arrow และ The Flash หรือเปล่าเนี่ย (555)
ดูหนังเรื่องนี้แล้วคิดถึงเรื่อง “มาห์” เลยครับ เผื่อใครไม่รู้จัก มาห์คือหนังไทยอายุหลายสิบปีแล้วครับ เป็นหนึ่งในหนังไม่กี่เรื่องของบ้านเราที่ทำออกมาในแนวสัตว์ประหลาดสยองโหด ที่ว่าโหดนี่คือโหดจริงครับ ทำออกมาน่ากลัวเอาเรื่องเลยล่ะ