ภาคแรกผมชอบครับ มันคือ Die Hard เวอร์ชั่นฮากลมกลิ้งที่ครบเครื่องทั้งความตลกและความลุ้น ส่วนภาคต่ออย่าง Paul Blart: Mall Cop 2 ก็ถือว่าผลออกมาตามที่คาดไว้ นั่นคือดูเพลินเรื่อยๆ แต่ไม่จับใจเท่าภาคแรก
ภาคแรกผมชอบครับ มันคือ Die Hard เวอร์ชั่นฮากลมกลิ้งที่ครบเครื่องทั้งความตลกและความลุ้น ส่วนภาคต่ออย่าง Paul Blart: Mall Cop 2 ก็ถือว่าผลออกมาตามที่คาดไว้ นั่นคือดูเพลินเรื่อยๆ แต่ไม่จับใจเท่าภาคแรก
หนังหลายๆ เรื่องเราดูด้วยเหตุผลว่า อยากดูหนังดี เติมเต็มชีวิต แต่กับหนังบางเรื่องแล้ว เราดูเพื่อความสนุกครับ ยิ่งหน้าหนังประกาศมาแต่ไกลว่าทำออกมาเพื่อความบันเทิงล่ะก็ ความคาดหวังในใจเราก็จะแปรเปลี่ยนไปตามหน้าหนังนั้นๆ
ออกตัวก่อนครับว่าผมเป็นคนชอบหนังไซไฟและหนังสไตล์ The Twilight Zone ที่เต็มไปด้วยปริศนา เรื่องลึกลับไร้คำอธิบาย หรือเหตุการณ์แปลกๆ ที่ชวนให้งง
ว่าตามจริงแล้วเรื่องนี้เป็นหนังไทยที่ผมอยากดูมากเลยครับ ต้องบอกว่าไม่ได้รู้สึกแบบนี้กับหนังไทยมานานพอสมควร
ถ้าว่ากันในฐานะหนังภาคต่อแล้ว Ip Man 3 ถือว่าดูได้เรื่อยๆ สนุกไม่เลว แม้จะไม่กลมกล่อมเท่าภาคแรก แต่ก็ถือว่าดูสนุกพอใช้
ภาคแรกทำผมประทับใจไว้เยอะครับ ดังนั้นก่อนดู Pitch Perfect 2 ผมก็แอบคาดหวังเป็นธรรมดา ไหนจะโกยเงินถล่มทลายซะขนาดนั้น (แต่โดยส่วนตัวคิดว่าที่ภาคนี้ทำเงินอย่างใหญ่ ก็เพราะบุญเก่าที่ภาคแรกสะสมไว้ส่วนหนึ่ง)
เว้ากันซื่อๆ เลยว่าที่ตามดู Insidious: Chapter 3 ก็เพราะอยากเห็นป้า Lin Shaye กลับมารับบทหมอผีเอลลิสนี่แหละ
Poltergeist ภาคต้นฉบับ ผมถือว่าเป็นหนังบ้านผีสิงที่ทำออกมาได้กลมกล่อมมากเรื่องหนึ่ง
Tales of Halloween หนังสยองแนวหลายเรื่องสั้น in 1 ครับ ซึ่งหนังก็จับเอาเรื่องสั้นมาใส่รวมกันถึง 10 เรื่องทีเดียว
อันว่าผีห่าอโยธยานั้น ตัวข้าพเจ้าเองก็คำนวณเป็นแม่นมั่นว่าตัวหนังก็คงไม่มีอะไรมากมายนัก หรือความสนุกเองก็อาจไม่ได้มากมายสักเท่าใด ครั้นพอได้รับชมเข้าจริงๆ แล้ว ก็พบว่าการคำนวณของข้าพเจ้านี้ หาได้ผิดเพี้ยนไปจากที่คาดไม่ (555)