รีวิวให้ครบเซ็ทครับ กับหนังรณรงค์ให้คนดู “ปลอดภัยไว้ก่อน” ชุดนี้ เอิ้กๆๆๆ
รีวิวให้ครบเซ็ทครับ กับหนังรณรงค์ให้คนดู “ปลอดภัยไว้ก่อน” ชุดนี้ เอิ้กๆๆๆ
3 จุดที่ผมว่า Work สุดๆ ใน Dragonball Evolution ได้แก่
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา Russell Crowe แกเล่นหนังดีๆ เอาไว้เยอะครับ เสียดายแต่ว่าหนังเหล่านั้นไม่ค่อยดังและไม่ทำเงินสักเท่าไร อย่างเรื่องนี้ก็เข้าอีหรอบนั้นเหมือนกัน
โดยส่วนตัวแล้วผมชื่นชมในพัฒนาการของหนังชุดนี้มากครับ เริ่มจากการเป็นหนังว่าด้วยรถแข่ง เน้นที่ความเร็ว ความแรง แต่พอทำไป 3 ภาคแล้วทีมงานสัมผัสได้ถึงการย่ำอยู่กับที่ ไม่ว่าจะรู้ด้วยตนเองหรือรู้ด้วยตัวเลขรายได้ก็ตาม (เพราะภาค 3 ทำรายได้แค่ครึ่งเดียวของภาค 2) จึงทำให้เกิดการปรับโครงสร้างใหม่ให้กับหนังชุดนี้
ผมเพิ่งดูซีรี่ส์ชุดนี้จนจบปี 9 ไปเมื่อกี้เองครับ… จริงๆ ผมชอบซีรี่ส์ชุดนี้มาก ตีคู่กับ The Big Bang Theory เลยก็ว่าได้ และเวลาดูผมก็จะดูแบบไล่ๆ กับอเมริกาไม่นานนัก เพราะชอบน่ะครับ เลยติดงอมแงม พยายามดูให้เร็วทันใจที่สุดเท่าที่ทำได้
เป็นหนังฮาย้อนยุคโดยผู้กำกับ Harold Ramis แห่ง Groundhog Day และ Analyze This ครับ แต่สารภาพเลยว่าตอนดูผมนั่งฮากริบแบบคาดไม่ถึง
ในที่สุด “เหยื่อ” ที่ผมคาดว่าต้องโดนสักครั้งในหนังเรื่อง Saw ก็มีจนได้ในภาคที่ 6 นี้
ดู Pandorum แล้วเกิดอารมณ์ 2 ชนิดขึ้นไล่ๆ กัน
ภาคต่อที่อุดมฉากแอ็กชันมากกว่าเก่าครับ เรื่องราวคราวนี้เริ่มเมื่อแซม วิทวิคกี้ (Shia LaBeouf) ตัวเอกจากภาคแรกที่อยากหันมาใช้ชีวิตธรรมดาแบบคนอื่นเขา เลยขอออกห่างจากเหล่าผองเพื่อนหุ่นยนต์ออโต้บอทเพื่อมาเรียนให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที
วอลเตอร์ การ์เบอร์ (Denzel Washington) พนักงานการรถไฟที่ตื่นเช้ามาพร้อมคิดว่าวันนี้ก็คงเป็นวันธรรมดาอีกวัน แค่ทำงานแล้วกลับบ้านพบหน้าภรรยา แต่แล้วเขากลับต้องพบกับสถานการณ์จับตัวประกัน เมื่อรถไฟใต้ดินแห่งมหานครนิวยอร์ก สายเพแลห์ม 123 ถูกยึดโดยผู้ก่อการร้าย 4 คน นำโดยชายที่เรียกตัวเองว่า ไรเดอร์ (John Travolta) พร้อมเสนอข้อเรียกร้องค่าไถ่ตัวประกันซึ่งก็คือผู้โดยสารบนรถ ให้จ่ายเงินมาภายในเวลา 15.15 น. ไม่เช่นนั้นตัวประกันจะต้องตายเรียงตัว