ระหว่างดูไปผมก็คิดไปน่ะนะครับ ว่าทำไมหนังว่าด้วนฉลามกลายพันธุ์มันถึงเยอะจัง ก็คิดได้หลายแง่ครับ แง่หนึ่งคงเพราะฉลามมันน่ากลัวสุดและดู “ดุ” ที่สุดในทะเลแล้ว
ระหว่างดูไปผมก็คิดไปน่ะนะครับ ว่าทำไมหนังว่าด้วนฉลามกลายพันธุ์มันถึงเยอะจัง ก็คิดได้หลายแง่ครับ แง่หนึ่งคงเพราะฉลามมันน่ากลัวสุดและดู “ดุ” ที่สุดในทะเลแล้ว
หนังเรื่องนี้เหมือนจะน่าสนใจครับ พล็อตออกแนวหนังไล่เชือด แต่ด้วยความที่ตัวละครหลักคือลูกเสือรุ่นเยาว์ มันเลยออกจะต่างจากหนังอย่าง Friday the 13th หรือ Halloween อยู่พอตัว
ปีนี้ได้ดูหนังที่ Greta Gerwig แสดง 2 เรื่อง (เรื่องนี้และ Mistress America) และปีหน้าก็จะได้ดูอีกเรื่องคือ 20th Century Women หนังหวังรางวัลอีกเรื่องซึ่งก็ดูจะน่าสนใจไม่ใช่น้อย
ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตกันอยู่แบบมีข้อจำกัดกันไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะข้อจำกัดทางสังคม ทางฐานะ หรือเพราะเรามีอนาคตให้ต้องรับผิดชอบอีกเยอะ ดังนั้นการใช้ชีวิตแต่ละนาทีก็ต้องคำนึงถึงอนาคตอยู่บ่อยๆ และนั่นเองที่ใครหลายคนอาจเรียกว่ามันคือข้อจำกัด
ผมดูหนังเรื่องนี้ท่ามกลางความสับสนอลหม่านในดวงจิตครับ คือรู้สึกว่า 2 – 3 ปีให้หลังมานี่เฮีย Bruce Willis ชักจะโดดมาเล่นหนังเกรดประมาณเดียวกับพี่ Nicolas Cage มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วแฮะ
เหตุผลในการดูคืออยากเห็นเจ้าป้า Sally Field มาแสดงในบทปล่อยแก่แบบน่ารักๆ ครับ และผมก็ไม่ผิดหวังนะ เธอเล่นได้ดีและน่ารักกำลังเหมาะทีเดียว
หนังฮาตามสไตล์เจ๊ Melissa McCarthy ครับ เรื่องนี้เจ๊เขารับบท มิเชลล์ ดาร์เนลล์ เด็กกำพร้าที่พอถูกรับไปเลี้ยงที่บ้านไหน บ้านนั้นก็เลี้ยงเธอได้แค่ไม่นาน จนเธอไม่สนคำว่า “ครอบครัว” อีกต่อไป และหันมาก่อร่างสร้างตัว ทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล
จู่ๆ ผมก็หยิบหนังเรื่องนี้มาดู (หลังจากเอามาดองไว้นานพอดู) ระหว่างดูก็ถามตัวเองว่าอารมณ์ไหนถึงอยากดู แล้วก็พอจะได้คำตอบเลาๆ ว่า สงสัยคงเพราะเห็นข่าวเลือกตั้งของสหรัฐบ่อยมั้ง
หนังดราม่าผสมตลกที่ตอนแรกผมนึกว่าจะเป็นสไตล์ “แม่ๆ ลูก” แต่เอาเข้าจริงแล้วหนังมาเน้นที่ตัวคุณแม่ครับ ส่วนคุณลูกออกแนวบทสมทบเสริมเรื่องราวมากกว่า
พอมาลองนึกๆ ดูแล้ว ผมว่าผมจำ Clive Owen ได้แบบแม่นๆ จากบทอาร์เธอร์ใน King Arthur ครับ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ห่างหายจากบทอัศวินทำนองนี้ไปเลย จนกระทั่งมาถึงเรื่องนี่นี่แหละ