บอกตรงๆ ว่าภาคแรกไม่ค่อยสมหวังผมซักเท่าไหร่ในเรื่องความน่ากลัว หรือต่อให้หวังแค่ความบันเทิงก็ไม่ได้สนุกมากมายอยู่ดี ผมเลยไม่ค่อยจะหวังกับหนังชุดนี้อีกแล้ว… แต่ปรากฎว่า … ภาคนี้มันส์กว่าตอนแรกอีกหว่ะเฮ้ย
บอกตรงๆ ว่าภาคแรกไม่ค่อยสมหวังผมซักเท่าไหร่ในเรื่องความน่ากลัว หรือต่อให้หวังแค่ความบันเทิงก็ไม่ได้สนุกมากมายอยู่ดี ผมเลยไม่ค่อยจะหวังกับหนังชุดนี้อีกแล้ว… แต่ปรากฎว่า … ภาคนี้มันส์กว่าตอนแรกอีกหว่ะเฮ้ย
หนังญี่ปุ่นแนวสยองแบบเด็กๆ เรื่องนี้ผมก็พอจะได้ยินชื่อมาบ้างครับ ได้ข่าวว่าฮิตพอดู จนต้องมีการทำตอนต่อออกมากัน มันก็ชวนชมล่ะครับ เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าหนังญี่ปุ่นแนวสยองอ้ะ มันออกรส ไม่ต้องอื่นไกลเลยครับ คู่หูคู่ฮานี่แหละ ขนาดเป็นหนังฮานะ แต่พอเป็นตอนที่คู่หูไปอยู่ในบ้านผีสิง มันก็น่ากลัวเอาการนะครับ ดังนั้นพอได้ทีผมก็เลยต้องหามาดูจนได้
งานกำกับของ Lucio Fulci ในหนังที่ถือเป็นเรื่องปิดท้ายของ Gates of Hell trilogy หรือไตรภาคหนังว่าด้วยประตูนรก โดยแนวเรื่องคราวนี้กลับมาเป็นแนวบ้านผีสิงเหมือนที่ Fulci เคยอยากทำมานานแล้ว
งานกำกับของ Lucio Fulci ในหนังที่ถือเป็นเรื่องที่ 2 ในชุด Gates of Hell trilogy หรือไตรภาคหนังว่าด้วยประตูนรก หลังจากเรื่องแรก City of the Living Dead (1980) กล่าวถึงประตูนรกที่เกิดขึ้นในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อ ดันวิช ในนิวอิงแลนด์ มาเรื่องนี้ก็ว่าด้วยประตูนรกอีกเช่นกันครับ แต่คราวนี้เหตุมาเกิดที่หลุยส์เซียนน่า ณ. โรงแรมที่ชื่อ Seven Doors
ผลงานการกำกับของ Lucio Fulci ครับ เจ้าพ่อหนังสยองแนวลาบเลือดที่มีชื่ออีกคนในวงการหนังอิตาลีนะครับ คราวก่อนผมแนะนำหนังสยองแบบซ่อนเงื่อนที่ไม่เน้นแหวะ แต่เน้นการตามปมที่ซับซ้อนชวนสงสัย ทว่ากับเรื่องที่ผมกำลังจะเล่านี้ บอกได้เลยครับว่ามันสยองกว่า แหวะกว่า ขนาดที่ผมดูแล้วยังอึ้งไปเหมือนกัน
หลังจากเฉินเจียลั่ว (เจิ้นเส้าชิว) ประมุขพรรคดอกไม้แดงรับ ปึงซีเง็ก หรือ ฟงไสหยก (หลี่เหลี่ยนเจี๋ย) เป็นลูกบุญธรรมแล้วก็พาเข้าสู่พรรค แต่เมื่อได้เข้าพรรคแล้ว เขากลับพบว่าแม้แต่ในพรรคเองก็เต็มไปด้วยความขัดแย้ง มีคลื่นทั้งใต้น้ำและบนน้ำ จนในที่สุดเขาจึงต้องลงมือพิทักษ์ความถูกต้องบนแนวทางของตนเอง
เป็นเรื่องราวของ ฟงไสหยก หรือถ้าออกเสียงแต้จิ๋วก็จะเป็น ปึงซีเง็ก น่ะนะครับ โดย พี่หลี่เหลียนเจี๋ย มารับบทนี้ซึ่งก็มีทำออกมา 2 ภาคด้วยกัน
การที่เราเอาหนังสักเรื่องมาดูซ้ำเดือนละหน ทุกเดือนตั้งแต่ได้แผ่นมา นั่นน่าจะบ่งบอกได้ว่าเรา “ตกหลุมรัก” หนังเรื่องนั้นเข้าแล้ว และ Pitch Perfect คือหนึ่งในหนังที่ผมตกหลุมรักครับ
“ความหวัง คือสิ่งเดียวที่แข็งแกร่งกว่าความกลัว”
ในแง่ความบันเทิง The Hunger Games ตอบโจทย์ได้ดี เพราะมีทั้งพล็อตชวนติดตาม มีแอ็กชันมีความตื่นเต้นชวนลุ้น และมีเรื่องให้สะเทือนใจแทรกเป็นพักๆ