หมวดหมู่: Sci-Fi

Area 51 (2015)

หนังเรื่องนี้เงียบมากและวืดอย่างแรงครับ ซึ่งหลังจากลองชมแล้วก็ตระหนักเลยว่าทำไมหนังถึงวืดได้ขนาดนี้ เพราะมันไม่มีอะไรให้ติดตามสักเท่าไรครับ

Attraction (2017) มหาวิบัติเอเลี่ยนถล่มโลก

สิ่งแรกที่ต้องบอกกันคือนี่ไม่ใช่หนังแนวแอ็กชันเอามันส์ประเภทเอเลี่ยนบุกโลกแล้วก่อภัยพิบัติครับ ดังนั้นใครอยากดูเพราะฉากทำลายล้างสะใจๆ ล่ะก็ อย่าลืมลดความคาดหวังไว้ก่อนนะครับ

The Lawnmower Man (1992) ฅนไม่ให้เป็นฅน

แม้จะบอกว่าดัดแปลงจากเรื่องสั้นของ Stephen King แต่เอาเข้าจริงหนังที่ออกมานี่ราวๆ 90% นี่ด้นเอาใหม่หมดครับ เพราะเรื่องสั้นจริงๆ ของป๋า King ว่าด้วยคนตัดหญ้าที่ไปทำงานให้กับบ้านหลังหนึ่ง ก่อนที่คนในบ้านจะเจอเรื่องสยองอันเนื่องจากไปเห็นในสิ่งไม่ควรเห็น

Ghost in the Shell (2017) โกสต์ อิน เดอะ เชลล์

ผมดูหนังเรื่องนี้โดยไม่เอาอะไรไปเปรียบไปเทียบกับฉบับดั้งเดิม เพราะหากเปรียบแล้วล่ะก็ ฉบับเดิมทำไว้ขลังมาก แม้จะเป็นการ์ตูนก็ตาม แต่มันผสมระหว่างไซไฟ แฟนตาซี ลึกลับ ทริลเลอร์ และดราม่าที่ถึงรสเหลือหลาย (แต่ก็คงไม่ใช่ทุกคนที่จะถูกจริต)

The World’s End (2013) ก๊วนรั่วกู้โลก

ปีที่ผ่านมามีหนังว่าด้วยโลกแตกแบบเน้นฮาและบ้าสุดๆ อยู่ 3 เรื่องครับ ได้แก่ This is The End และ Rapture-Palooza 2 เรื่องนี้มาจากฝั่งอเมริกา และอีกเรื่องคือ The World’s End จากฝั่งอังกฤษ

The Hunger Games (2012) เกมล่าเกม

ในแง่ความบันเทิง The Hunger Games ตอบโจทย์ได้ดี เพราะมีทั้งพล็อตชวนติดตาม มีแอ็กชันมีความตื่นเต้นชวนลุ้น และมีเรื่องให้สะเทือนใจแทรกเป็นพักๆ

Quarantine 2: Terminal (2011) ปิดเที่ยวบินสยอง

สำหรับภาคต่อนี้เปลี่ยนเหตุมาเกิดบนเที่ยวบินครับ เป็นเหตุที่เกิดควบคู่ไปกับเหตุในภาคแรก เมื่อเชื้อร้ายได้แพร่มายังเครื่องด้วย ทำให้เครื่องบินต้องลงจอดกะทันหัน แต่กระนั้นก็สายไปแล้วครับ เพราะมีคนติดเชื้อไล่ฟัดคนเรียบร้อย ทีนี้คนที่เหลือก็เลยต้องพยายามเอาตัวรอดตามสูตรน่ะครับ

Andròn: The Black Labyrinth (2015)

เรื่องนี้เป็นอะไรที่เสียดายมาก เพราะจริงๆ มันน่าสนใจนะครับ พล็อตมันอาจไม่ได้ใหม่แต่รายละเอียดและองค์ประกอบบางอย่างมันน่าสนใจดี จนผมต้องลงเอยด้วยประโยคเดิมๆ อย่าง “ถ้าทำออกมาดีๆ และเล่าด้วยจังหวะที่เหมาะล่ะก็ มันจะเจ๋งมาก”