หนังสั่นประสาทชวนระทึกหลอนเรื่องนี้ถือว่าทำได้ดีแบบน่าพอใจเลยครับ ใครชอบหนังหลอนๆ น่ากลัวแบบซึมลึกล่ะก็ บอกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้เหมาะแก่การเปิดดูมากๆ (โดยเฉพาะตอนกลางคืน ขณะอยู่ในบ้านคนเดียว 555)
หนังสั่นประสาทชวนระทึกหลอนเรื่องนี้ถือว่าทำได้ดีแบบน่าพอใจเลยครับ ใครชอบหนังหลอนๆ น่ากลัวแบบซึมลึกล่ะก็ บอกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้เหมาะแก่การเปิดดูมากๆ (โดยเฉพาะตอนกลางคืน ขณะอยู่ในบ้านคนเดียว 555)
เป็นหนังที่เปิดประเด็นตั้งต้นได้ดีครับ และงานเทคนิคหลายๆ อย่างก็จัดว่าเวิร์กอยู่ แต่ด้วยการเล่าเรื่องที่ไม่ได้โฟกัสอะไรๆ แบบชัดเจน (ว่าง่ายๆ คือออกจะเปะปะไปหน่อย) เลยทำให้ความน่าสนใจค่อยๆ ลดลงตามลำดับ
หนังเรื่องนี้ บอกได้เลยครับว่าต้องมีคนตะโกนออกมาดังๆ ว่า “ชอบ” แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีคนบ่นออกมาดังๆ ว่า “น่าเบื่อ” (และมีแนวโน้มว่าคนที่บ่นว่าเบื่อ อาจมีในปริมาณที่มากกว่าครับ)
ผมคิดเสมอครับว่ายุคหนึ่งเดี๋ยว Stephen King ก็จะกลับมาฮ็อตในวงการหนังอีกครั้ง เหตุผลแรกก็เพราะงานของเขามีดี ร่วมสมัย และส่วนใหญ่จะเหมาะแก่การนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ (ขอเพียงคนทำมือถึงและเข้าใจแก่น ก็โอเคแล้ว)
ดูหนังเรื่องนี้แล้วผมอุทานเลยว่า “แม่เจ้าโว้ย!” เพราะหนังทำออกมาเวิร์กเลยครับ แม้จะเป็นหนังลง Netflix แต่มันทำออกมาได้ดี น่าติดตาม สำหรับผมนี่ถือว่ามันสมการรอคอยเลยทีเดียว
หนังจากนิยายของพี่ Stephen King ครับ เนื้อเรื่องว่าด้วยผู้คนที่มากหน้าหลายตาที่ขับรถอยู่บนถนนสายเปลี่ยว แล้วจู่ๆ ก็โดน คอลลี เอนทราเจี้ยน (Ron Perlman) นายอำเภอของเมืองเดสเพอเรชั่นจับไปเข้าคุกอย่าง ซึ่งแต่ละเจ้าที่โดนจับไปนั้นจริงๆ ก็ไม่ได้ทำผิดอะไรหรอกครับ แต่ลองว่านายอำเภอยืนกรานจะพาพวกเขาไป พวกเขาเลยไม่อาจขัดขืนได้
นี่เป็นหนังรีเมคนะครับ ซึ่งผมเคยได้ดูต้นฉบับมาก่อน มันเป็นหนังทีวีน่ะครับ แต่แม้จะเป็นเพียงหนังทีวีและเก่าตั้งเกือบ 40 ปีแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังทำได้น่ากลัวตื่นเต้น ได้มาตรฐานสำหรับหนังสยองดีทีเดียว
หนังสยองที่แหวะมากเอาเรื่อง กับการไล่ฆ่าในวันวาเลนไทน์สีเลือด ซึ่งเหตุรอบแรกเกิดเมื่อหลายปีก่อน ทำเอาคนตายไปถึง 22 ชีวิต
ที่อเมริกานั้นเขาทำออกมาลง DVD โดยตรงไปเลย ไม่มีการเข้าโรงแต่อย่างใดครับ ก่อนดูก็พลางทำใจร่มๆ ไม่ไปคิดมากกับการสานต่อเรื่องราว ที่เดาๆ ว่ามันน่าจะออกแนว “ดันทุรัง” เป็นที่ตั้ง เพราะยิ่งทำก็ยิ่งพยายามยืดเรื่องครับ เหมือนพวกศุกร์ 13 หรือนิ้วเขมือบนั่นแหละ หาเรื่องให้ผีเป็นอมตะเข้าไว้แล้วก็ทำออกมาโกยเงินไปเรื่อยๆ
เพียงสามวันหลังจากหนัง The Grudge ภาคแรกออกฉาย Sony เจ้าของทุนก็ไฟเขียวสำหรับภาคต่อทันที ก็แหงล่ะครับ โดยสามวันแรกเกือบ 40 ล้าน ไม่สร้างต่อก็บ้าแล้ว