ท่าผมจะดูหนังเกือบหมดร้านแล้วล่ะครับ เลยไม่รู้จะดูอะไรจนต้องไปควานเอาเรื่องนี้มาชม ก็เอาเถอะครับไม่เป็นไรเผื่อหนังมันอาจจะมีอะไรเข้าท่าเข้าทางก็ได้
ท่าผมจะดูหนังเกือบหมดร้านแล้วล่ะครับ เลยไม่รู้จะดูอะไรจนต้องไปควานเอาเรื่องนี้มาชม ก็เอาเถอะครับไม่เป็นไรเผื่อหนังมันอาจจะมีอะไรเข้าท่าเข้าทางก็ได้
เรื่องราวของหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งไปแข่งกันปีนเขาครับ ตอนแรกก็ทำท่าจะเป็นการพักผ่อนที่เพลิดเพลิน แต่แล้วหนึ่งในนั้นก็โดนสิงโดยวิญญาณเก่าแก่ประจำหน้าผานั้น แล้วก็อาละวาดไล่ฆ่าทุกคนในบัดดล แหมซวยแท้ๆ เลย พวกที่เหลือเลยต้องเอาตัวรอดแบบตัวใครตัวมัน
เป็นหนังที่ได้เข้าโรงในบ้านเรา ตามกระแสหนังสยองปนสัตว์โลกน่ารักทั้งหลายที่ทยอยกันเข้ามาช่วงปี 2544 – 2545
ครอบครัวตระกูลโบว์เวอร์ ที่ประกอบไปด้วย เดวิด (Ian Patrick Williams) โรสแมรี่ (Carolyn Purdy-Gordon) ภรรยาใหม่ และจูดี้ (Carrie Lorraine) ลูกสาวเกิดรถเสียระหว่างการเดินทางครับ พอดีว่ารถมาตายตรงแถวคฤหาสน์หลังหนึ่ง พวกเขาจึงตัดสินใจเข้าไปขอความช่วยเหลือ ก็พบกับตายายสองคน (Guy Rolfe และ Hilary Mason) ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านคอยทำการต้อนรับ
รับรองได้ครับ ประโยคที่ท่านจะนึกได้ทันทีที่ดูหนังเรื่องนี้จบคือ “ท่านเพิ่งได้ชม Suspiria! จบ”
อย่าครับ อย่า อย่าเพิ่งคิดว่าผมเอาหนังทำนองนั้นมาขึ้นแนะนำ เพราะหน้าปกมันหนักหนาไปอย่างนั้นเองครับ ข้างในจริงๆ แทบไม่มีอะไรเลย แต่หน้าปกดันหนักยังกะ Basic Instinct แน่ะ
ชื่อมันบอกว่า Alone in the Dark …โทษนะคับผม มันอโลนกะป้ะตรงไหนฟะ
ผมเคยรีวิวถึงภาคหนึ่งของหนังชุดนี้แล้วครับ ซึ่งสมัยนั้นผมก็ชอบหนังเรื่องนี้นะ มันสนุก น่าติดตาม มีการทิ้งปมลึกลับไม่เลว แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นชอบมากอะไรนัก จนมาดูใหม่อีกรอบนี่แหละครับถึงรู้สึกชอบภาคแรกของหนังชุดนี้มากขึ้น
บางคนปฏิเสธพระเจ้าเพราะเห็นสวรรค์น้อยเกินไป… แต่บางคนก็ปฏิเสธพระเจ้า เพราะเห็นสวรรค์มากเกินไป
ทิม (Barry Watson) เคยมีความทรงจำเลวร้ายสมัยเด็ก นั่นคือ เขาเห็นพ่อโดนบูกี้แมนกระชากตัวเข้าไปในตู้เสื้อผ้าอย่างสยดสยอง นั่นทำให้เข้าไม่กล้าอยู่ในสถานที่ๆ มีหลืบ มีความมืดหรือมุมหรือตู้อะไรทั้งนั้น แต่ทว่า เมื่อเขาโตขึ้น อดีตนั้นกลับมาหลอกหลอนเขาอีก เฮ่อ ใช่ครับ เขาเลยต้องลุยกับมันซักตั้งเพื่อทำให้ฝันร้ายมันจบลงซะที