Action

ฤทธิ์อีแอ่นเงิน (1969) Vengeance is a Golden Blade

หลี่จื้อซัน (ถังชิง, Tang Ching) เป็นเจ้าสำนักคุ้มภัยไท่ผิง และป็นเจ้าของดาบมังกรทองที่ดังสะท้านภพ แต่แล้วหลงเจิ้นเทียน (หลี่เผิงเฟย, Li Peng Fei) หัวหน้าพรรคประตูมังกรก็เกิดผูกใจเจ็บที่กิจการคุ้มภัยของจื้อซันไปได้ดีกว่า เลยวางแผนทำร้ายจนจื้อซันต้องสูญเสียวรยุทธ

แต่ยังดีที่จื้อซันกับหลี่เสี่ยวเยี่ยน (ฉินผิง, Chin Ping) ลูกสาวของเขา สามารถหนีเอาตัวรอดมาได้ด้วยความช่วยเหลือของคนรับใช้นามว่า หลี่เซิง (เผิงเผิง, Peng Peng) จากนั้นพวกเขาก็ระหกระเหินไปถึงที่พำนักของหลิวอันเซิ่ง (กู้เหวินจง, Ku Wen Chung) คนปลูกสมุนไพรขาย ทุกอย่างดูจะสงบสุขมานับ 10 ปีจนกระทั่งเรื่องบุญคุณความแค้นทั้งหลายได้หวนกลับมาสู่พวกเขาอีกครั้ง

สมทบด้วย เกาเป่าชู่ (Kao Pao Shu) ในบทหลี่เยี่ยเซียง ฮูหยินของจื้อซันที่ทรยศครอบครัวจนเกิดเรื่องราวมากมายตามมา, หลัวฮั่น (Lo Han) เป็นหลงเจิ้นหยิง, ชิวหง (Chao Hsiung) เป็่นหลงเจิ้นสง 2 รายนี้เป็นน้องของเจิ้นเทียน, เยี่ยหัว (Yueh Hua) เป็นหลิวชิงซง หลานของหลิวอันเซิ่ง, เว่ยผิงอ้าว (Wei Ping Ao) เป็นคุณชายจิน ลูกชายท่านอำมาตย์มากอิทธิพล และหนังกำกับโดย เหอเมิ่งหัว (Ho Meng Hua) ครับ

จากหน้าหนังและชื่อหนังก็ทำให้คิดไปว่าหนังจะเน้นไปที่การล้างแค้นซึ่งก็ใช่อยุ่ครับ แต่กว่าการล้างแค้นจะเดินเครื่องจริงๆ จังๆ ก็ปาเข้าไป 30 นาทีท้ายของหนัง โดยตอนต้นหนังก็จะเกริ่นเล่าเรื่องให้เราทราบว่าใครทำอะไร แล้วพอถึงกลางเรื่องหนังก็ใช้เวลาไปค่อนข้างเยอะกับประเด็นที่ว่าหลี่เยี่ยเซียงพยายามจะพรากลูกสาวไปจากหลี่จื้อซันซึ่งก็กินเวลาไปไม่น้อย ส่วนหลี่จื้อซันก็อมพะนำพยายามปกปิดความจริงที่ว่านี้กับลูกสาว นี่ก็กินเวลาไปอีกพอสมควร แล้วไหนจะมีเรื่องของคุณชายจินที่จ้องจะทำอะไรมิดีมิร้ายเสี่ยวเยี่ยน นี่ก็กินเวลาไปอีกเยอะอยู่

พูดง่ายๆ คือกลางเรื่องมันออกแนวดราม่าครับ และเป็นดราม่าแบบพยายามยืดเรื่องด้วย ช่วงที่ว่านี่กราฟความน่าติดตามเลยไม่มากเท่าไหร่ สารภาพว่าถ้าไม่ได้ทำงานไปดูไปก็อาจจะหลับเอาได้เหมือนกัน จากนั้นพอหนังเดินเรื่องถึงตอนท้าย ตอนที่เสี่ยวเยี่ยนเริ่มออกฤทธิ์วาดลวดลายกระบวนท่าฟันด้บ ช่วงนี้ค่อยน่าสนใจขึ้นมาหน่อย ซึ่งฉากต่อสู้ก็ถือว่าพอได้ครับ อาจไม่เจ๋งแจ๋วแต่ก็พอตอบโจทย์ได้บ้าง

โดยรวมผมว่าหนังก็ดูได้อยู่ครับ แต่ต้องทำใจช่วงกลางเรื่องหน่อยที่หนังเหมือนเรื่องไม่ค่อยเดิน พยายามยืด ให้ตัวละครปิดบังกันไปกันมา จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหนังข้ามช่วงกลางไปเลย แล้วเล่าเรื่องการล้างแค้นแบบเน้นๆ ให้นางเอกได้ตะลุยยุทธภพเจอกับเหลี่ยมเล่ห์ของคนแบบนั้นอาจจะน่าสนใจกว่า

สองดาวหน่อยๆ ครับ

(6/10)