ผลงานของผู้กำกับ Paul Verhoeven ครับ หลังจากผลงานเรื่องก่อนอย่าง Starship Troopers ไม่ใคร่จะทำเงินนัก ซ้ำยังโดนวิจารณ์เรื่องความรุนแรงอีก Verhoeven เลยเลือกที่จะทำงานชิ้นต่อมาให้โทนเรื่องเซ็กซ์และความรุนแรงมันลดลงสักหน่อย แล้วก็กะจะทำหนังประเภทโดนใจคนดูเพื่อที่จะได้ทำเงินบน Box Office ผลที่ได้ก็เลยออกมาเป็นเรื่องนี้ครับ
พล็อตง่ายมาก ตัวเอกคือ เซบาสเตียน เคน (Kevin Bacon) นักวิทยาศาสตร์จอมโอหังและทะเยอทะยานที่กำลังทดลองเรื่องการทำให้สิ่งมีชีวิตล่องหนอยู่ และเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะใช้ตัวเองเป็นหนูทดลองครับ โดยการฉีดสารล่องหนให้ตัวเองซะเลย
แล้วเขาก็ทำได้ครับ สามารถล่องหนได้อย่างสมบูรณ์ แต่พอแผนการที่จะคืนร่างไม่เป็นไปตามแผน เขาก็ค่อยๆ เผยด้านมืดของตนออกมา เริ่มมีความโหดและรุนแรงมากขึ้น จนในที่สุดเมื่อเพื่อนร่วมทดลองต้องการจะกักเขาเอาไว้ เหตุนองเลือดในห้องทดลองจึงบังเกิดครับ
หนังเรื่องนี้ใช้ทุนสร้างไปประมาณ $95 ล้านครับ ซึ่งราวๆ $50 ล้านนั้นถูกใช้ไปกับงานเทคนิคพิเศษ ซึ่งก็ต้องยอมรับล่ะครับว่า CG และเทคนิคต่างๆ ถือว่าทำได้ดีเอามากๆ เอาแค่ฉากที่ตัวทดลองค่อยๆ ล่องหนหรือค่อยๆ คืนร่างนี่ก็สุดยอดแล้วครับ เราจะได้เห็นการล่องหนทีละชั้น เริ่มจากผิวหนังล่องหนก่อน พอผิวหนังล่องหนเราก็จะได้เห็นเส้นเลือดและอวัยวะภายใน เห็นมันล่องหนไปทีละส่วนจนถึงกระดูก สำหรับผมแค่ดูฉากพวกนี้ก็คุ้มประมาณหนึ่งแล้วครับ
แล้วงานเทคนิคก็จะไปหนักอีกตอนท้ายครับ เมื่อเซบาสเตียนอาละวาด ช่วงนี้นี่เล่นเทคนิคกระจาย และงานฉากเองก็ต้องถือว่าทำได้ถึงด้วยครับ อย่างฉากห้องทดลองใต้ดินนี่ก็ออกแบบและแต่งได้เหมือนจริง ที่สำคัญคือดูดีกว่าที่เรามักจะเห็นตามหนังไซไฟเกรดบีทั่วไป อันนี้คือถ้าประเมินงานสร้างกับผลงานด้านภาพและฉากที่ออกมาแล้ว ก็ต้องถือว่าหนังทำได้ถึงอยู่
แต่ในแง่ของบทแล้วอาจจะต้องเรียกว่าไม่ซับซ้อนอะไรครับ หรือถ้าบางคนจะบอกว่าบทอ่อนจริงๆ ก็ไม่ผิดนะ เพราะมันอารมณ์เหมือนหนังสยองไซไฟเกรดรองที่ว่าด้วยตัวเอกที่ทดลองอะไรสักอย่างกับตัวเอง แล้วพอมันผิดพลาดก็เลยกลายเป็นความสยอง เนี่ยครับ เล่าง่ายเล่าจบในบรรทัดกว่าๆ นี่แหละ
แต่ถ้าท่านพอจะมองข้ามความง่ายของบท แล้วดูแบบเอามันส์ล่ะก็ ผมว่าหนังตอบโจทย์บันเทิงได้ไม่เลวครับ สีสันสำคัญนอกจากสารพัดเทคนิคพิเศษแล้วก็ต้องยกให้ดาราที่แสดงกันได้ดี Bacon นี่ดูเหมาะมากกับบทคนอวดดีจองหองแบบนี้ ดูแล้วมันเชื่อได้ไม่ยากน่ะครับว่าสุดท้ายแล้วเซบาสเตียนจะต้องลุแก่อำนาจแล้วก็ใช้การล่องหนนี่มาก่อนการเพื่อประโยชน์ของตน ส่วน Elisabeth Shue และ Josh Brolin ก็ถือว่าเล่นดีไม่น้อยหน้า จริงๆ คือดาราน่ะดีหมดครับ
กระทั่งบทสาวฝั่งตรงข้ามที่เซบาสเตียนแอบมองนั่น มาแป๊บๆ แต่ก็ยังเล่นได้ดีเลย – เธอคนนี้คือ Rhona Mitra ครับ ช่วงต้นยุค 2000 มีผลงานออกมาหลายเรื่องอยู่ แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่ดังแบบเต็มตัว
อีกหนึ่งของดีคือดนตรีโดย Jerry Goldsmith ครับ ให้อารมณ์หนังไซไฟสยองผสมระทึกได้ดี แต่ก็ยอมรับนะว่าบางขณะก็แอบรู้สึกว่าท่วงทำนองมันจะใกล้ๆ กับ The Mummy ภาคแรก ที่เขาก็ทำดนตรีเอาไว้เหมือนกัน
สำหรับรายได้ของหนังเรื่องนี้ ก็ทำไป $190 ล้านจากทั่วโลก ก็ถือว่าพอเท่าทุนครับ ที่เหลือก็ไปเก็บเล็กผสมน้อยจากตอนออกแผ่นและฉายตามเคเบิ้ลหรือสตรีมมิ่งเอา
นี่อาจไม่ใช่หนังดีหนังเด็ดน่ะนะครับ แต่ผมว่ามันตอบโจทย์บันเทิงได้เข้าท่าอยู่ คือถ้าดูแบบไม่คิดมากนี่ผมว่าได้เลย มีสนุก มีลุ้น มีตื่นเต้น ครบสำหรับหนังเอามันส์สักเรื่อง
และแง่คิดสำคัญก็เหมือนหนังมนุษย์ล่องหนหลายๆ เรื่องก่อนหน้าครับ ว่าเมื่อคุณสามารถล่องหนได้ เมื่อคุณทำอะไรๆ ได้โดยไม่มีใครเห็น สิ่งที่คุณเลือกจะทำนั้นเองคือสิ่งจะสะท้อนความเป็นคุณออกมา – ถ้ามีคนล่องหนกันได้ตามใจบนโลกนี้จริงๆ… คงน่ากลัวน่าดู
สองดาวกว่าๆ ครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:Action, Horror, Movie Reviews, Sci-Fi, Thriller












