Action

Daughter of The Wolf (2019) สวยกระหน่ำแค้น

ชาร์ลี (Anton Gillis-Adelman) ลูกชายของแคลร์ แฮมิลตัน (Gina Carano) โดนจับตัวไปเรียกค่าไถ่ เธอเลยต้องทำทุกวิถีทางเพื่อพาตัวลูกชายเธอกลับมา อันทำให้เธอต้องผจญภัยครั้งใหญ่ในป่ากลางหิมะที่มีหมาป่าวนเวียนอยู่แถบนั้น

อีกหนึ่งงานกำกับของ David Hackl แห่ง Saw V ที่วันก่อนผมเพิ่งดูเรื่อง Dangerous ของเขาไป ซึ่งผมว่าเรื่องนั้นยังดูเพลินกว่าเรื่องนี้ครับ

จริงๆ พล็อตมันได้นะ แม่ที่เป็นอดีตทหาร (แน่นอนว่าเธอต้องมีเขี้ยวเล็บ) ไล่ฟัดกับผู้ร้ายเพื่อช่วยลูกคืน มันคือ Taken ดีๆ นี่แหละครับ เพียงแต่เปลี่ยนฉากหลังเป็นป่าที่เต็มไปด้วยหิมะ ซึ่งเรื่องงานภาพนี่ผมว่าโอเค ผู้กำกับภาพ Mark Dobrescu ถือว่าจับภาพป่าที่ปกคุลมด้วยหิมะขาวโพลนออกมาได้สวย ยิ่งพวกช็อตมุมกว้างหรือตรงน้ำตกนี่ผมว่าได้เลย ยิ่งกล่องสมัยนี้ HD ด้วยแล้ว ภาพธรรมชาติยิ่งคมยิ่งชัดตาแตกเข้าไปใหญ่

แต่หนังมันไม่มันส์ครับ อันนี้ว่ากันตรงๆ เลย คือใครคิดว่ามันจะออกแนวแอ็คชั่นระห่ำๆ นี่ ต้องปรับความคิดด่วนครับ คือฉากแอ็คชั่นน่ะมันก็มี แต่มีแบบนานๆ ที ส่วนใหญ่หนังจะใช้เวลาไปกับการสนทนามากกว่า ไม่ว่าจะแคลร์ที่จำต้องร่วมเดินทางในป่ากับลาร์เซ่น (Brendan Fehr) หนึ่งในก๊กโจรที่เป็นคนมารับเงิน แต่ดันหนีไม่รอดเลยโดนแคลร์จับพร้อมให้พาไปหาลูก กับอีกกลุ่มคือพวกโจรที่จับตัวชาร์ลีไว้ ซึ่งที่นั่นก็มี ฟาเธอร์ (Richard Dreyfuss) เป็นหัวหน้า ที่นั่นก็เป็นอีกแห่งที่ตัวละครมีการคุยกัน ซึ่งบางจังหวะก็จะเปิดเผยปมด้วยว่าฟาเธอร์จับชาร์ลีมาทำไม

ดาราน่ะผมว่าแสดงได้โอเคตามมาตรฐานล่ะครับ โดยเฉพาะ Dreyfuss นี่มืออาชีพอยู่แล้ว แต่บทพูดมันยังไม่น่าสนใจแบบเต็มๆ เลยทำให้แม้ดาราจะแสดงถึงแค่ไหน แต่บทมันไม่ชวนให้ติดตาม มันก็เลยออกมากลางๆ ซึ่งที่ว่ากลางๆ นี่คือตอนตัวละครคุยกันนะครับ ส่วนฉากอื่นๆ อย่างตอนเดินผจญป่ากันหรือตามล่ากันเนี่ย มันก็ออกมาเรื่อยๆ ไม่ได้เร้าระทึกอะไรมาก

ในขณะที่แอ็คชั่นนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงครับ มันไม่มันส์เท่าไหร่ และบางทีดูไปก็ยังแอบเอ๊ะด้วย ที่เอ๊ะหนักๆ เลยคือแคลร์เนี่ยเป็นทหารเก่าใช่ไหมครับ ซึ่งเราก็จะเห็นเธอโชว์ฝีมือเป็นพักๆ เช่นยิงปืนได้แม่นสุดๆ อะไรแบบนั้น แต่บางช่วงนี้บทจะแพ้ก็แพ้ง่ายๆ หรือบทจะเก่งนี่ก็เก่งระดับที่ปามีดฉึ่กเดียวโดนเป้าหมายเลย ทั้งๆ ที่คนๆ นั้นจับลูกชายเธอเอาไว้นะ คือถ้าปาพลาดนี่คือโดนลูกแน่ๆ แต่นี่เธอปาแล้วโดนแบบแม่นยำ – ระหว่างดูแล้วรู้สึกว่าความเก่งของเธอเป็นไปตามคำสั่งของผู้กำกับครับ ฉากไหนเก่งเธอเก่งเลย ฉากไหนไม่เก่งความสามารถเธอก็ลดลงมาเฉยเลย

ส่วนตัวผมว่าให้แคลร์เดินหน้าแล้วล่ามันแบบสาวแกร่งสาวเก่งน่าจะมันส์กว่าครับ แต่พอออกมาแบบนี้หนังเลยออกแนวเรื่อยๆ ไม่ได้สนุก ไม่ได้ชวนลุ้น หรือชวนติดตามอะไรนัก

ดูแล้วเลยพอเข้าใจว่าทำไม Hackl ถึงไม่ค่อยมีงานกำกับอีก หลังจากเรื่อง Dangerous เมื่อปี 2021 ก็หายไปเลย แล้วหลังๆ เขาเริ่มกลับมาจับงานเป็นโปรดักชัน ดีไซเนอร์ ซึ่งเป็นงานดั้งเดิมก่อนที่เขาจะไปกำกับน่ะครับ

สำหรับเรื่องนี้ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปครับ

ดาวครึ่งครับ

(5/10)