ในยุคสมัยที่ชาวฮั่นถูกพวกแมนจูกดขี่ข่มเหง คนมากมายต้องสูญเสียชีวิตไป โดยเฉพาะใครก็ตามที่ต่อต้านพวกแมนจู หนึ่งในนั้นก็คือ หลิวอี้เต๊อะ (หลิวเจียฮุย, Liu Chia Hui) ที่ต้องระหกระเหินจากบ้าน เขาตัดสินใจเดินทางไปยังวัดเส้าหลิน ออกบวชได้ฉายามาว่าซันเต๋อ เพื่อที่จะได้ฝึกวิทยายุทธมาต่อกรกับพวกแมนจู แต่ที่เขาไม่รู้เลยก็คือ การฝึกยุทธที่เส้าหลินหาใช่ของง่าย เขาต้องอดทนฟันฝ่านอุปสรรคมากมาย
ในที่สุดแล้วเขาจะได้ฝึกยุทธตามที่ตั้งใจไหม คำตอบอยู่ในหนังครับ
ดาราคนอื่นๆ ในเรื่องก็ยังมี หวังชิงเหอ (Wong Ching Ho) ในบทพ่อของหลิวอี้เต๊อะ, หลอลี่ (Lo Lieh) เป็นนายพลเทียนต๊ะ ที่หมายปราบชาวฮั่นให้หมดสิ้น, John Cheung เป็นผู้พันฉาง ลูกน้องข้างกายท่านนายพล, Wilson Tong เป็นถังซันเย่า ผู้ทรงอิทธิพลที่ชอบกดขี่ผู้คน, Wei Hung เป็น อาจารย์เหอ ผู้คอยต่อต้านพวกแมนจูอย่างลับๆ, เฉินซู่เจีย (Chen Szu Chia) เป็นสาวรับใช้บ้านอาจารย์เหอ, หลิวเจียหยง (Liu Chia Yung) เป็นนายพลอิง ที่ไปลอบสังหารผู้สำเร็จราชการแมนจูตอนต้นเรื่อง และหลี่ไห่เซิง (Lee Hoi Sang) เป็นไต้ซือฝ่ายวินัยของเส้าหลิน
แล้วเราจะยังได้เห็นหน้าของ ฮุ่ยเทียนซื่อ (Austin Wai) มาเป็นพระวัดเส้าหลินที่ฝึกพลองแล้วโดนซี่เหล็กบาด, อู๋หยาง (Yu Yang) เป็นหงซีกวน, ฉีเส้าเฉียน (Norman Chu) เป็นลู่อาฉ่าย และ หวังยี่ (Wong Yue) เป็นจงหมี่ลิ่ว คนตำข้าว
หนังกำกับโดย หลิวเจียเหลียง (Liu Chia Liang) ซึ่งผลงานที่ได้ออกมานี่ถือเป็นหนึ่งในงานระดับตำนาน ไม่ใช่เฉพาะของ Shaw Brothers นะครับ แต่มันคือตำนานหนังคลาสสิคอีกเรื่องของฮ่องกงเลยทีเดียว ตัวหนังถือว่าทำได้สนุก ชวนติดตาม ตัวเนื้อหาน่ะไม่ได้ซับซ้อนครับ แต่การเล่าเรื่องมันได้เรื่อยๆ และพลังสำคัญก็คือนักแสดงที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดี โดยเฉพาะหลิวเจียฮุยนี่คือเด่นมาก ยิ่งตอนออกท่าออกทางไม่ว่าจะตอนฝึกวิชาหรือต่อสู้ก็ตาม มันดูออกน่ะครับว่าเขาทำแบบเต็มที่จริงๆ
หนังยาวเกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งเวลาส่วนใหญ่จะใช้ไปกับฉากการฝึกวิชาที่วัดเส้าหลินของซันเต๋อ ซึ่งผมว่าทำออกมาได้ดีนะ ดูแล้วไม่รู้สึกว่าเบื่อหรือยืดเยื้ออะไร แต่กลายเป็นว่าพอเราดูๆ ไปแล้วเราจะแอบเอาใจช่วยให้ซันเต๋อเขาฝึกสำเร็จ และบางฉากนี่ก็แอบเหนื่อยแทนซันเต๋อเลยครับ เพราะสิ่งที่เขาต้องเผชิญนี่บางอันมันก็ยากจริงๆ นั่นแหละ
บอกตรงๆ ว่าผมไม่รู้จะเขียนอะไรต่อครับ เพราะผมว่าของดีของหนังมันอยู่ตรงงานภาพ การถ่ายทำ และความทุ่มเทของทีมงานที่ถ่ายทอดฉากการฝึกวิชาออกมาได้อย่างน่าสนใจ แต่ขณะเดียวกันสาระดีๆ หนังก็ไม่พร่องนะครับ สิ่งที่สื่อแบบชัดๆ เลยก็คือเรื่องความพยายาม และการใช้สติปัญญาของตนเองในการไขปัญหา
แต่ที่ชอบที่สุดคงเป็นอันนี้ครับ “สูงสุดแห่งยุทธ หาใช่การใช้ยุทธ แต่คือการทำให้ไม่ต้องใช้ยุทธ”
สรุปว่าเป็นอีกหนึ่งหนังสไตล์เส้าหลินที่ควรค่าแก่การรับชมครับ
สองดาวครึ่งบวกๆ ครับ
(7.5/10)












