Documentary (Series)

Secrets of the London Underground Season 1 – 2 (2021 – 2022) ความลับรถไฟใต้ดินลอนดอน ปี 1 – 2

ผมเป็นคนชอบสารคดีอะไรก็ตามที่ว่าด้วยการสำรวจใต้ดินครับ ซึ่งนั่นก็รวมถึงสถานที่ที่สร้างอยู่ใต้ดินด้วย ผมว่ามันน่าสนใจนะ ในแง่นวัตกรรมก็อย่างหนึ่งล่ะ ไหนจะมีเรื่องเชิงวิศวกรรมอีก มันน่าสนใจว่าคนเราขุดเจาะสร้างสถานที่ใต้ดินกันอย่างไร หรือพอสร้างแล้วมันจะคงอยู่ถาวรแค่ไหน ต้องบำรุงรักษาอย่างไร หรือถ้าไม่ได้บำรุงรักษาแล้วมันจะกลายเป็นแบบไหน

และสถานที่ใต้ดินที่ถูกทิ้งร้างไว้อีก ไม่ว่าจะสถานีเก่าที่เลิกใช้ไปแล้ว หรือทางเดินเก่า โถงเก่าที่ในอดีตเคยมีการใช้งาน – นั่นเลยทำให้ผมสนใจดูสารคดีชุดนี้ครับ มันเต็มไปด้วยเรื่องเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหาดี

สารคดีชุดนี้จะพาเราไปรู้จักกับรถไฟใต้ดินสถานีต่างๆ ในลอนดอนครับ แต่ไฮไลท์น่ะคือการพาเราไปสำรวจยังสถานที่ที่คนทั่วไปจะไม่ได้เข้าไปเดินง่ายๆ ไม่ว่าจะส่วนของสถานีเดิมที่เลิกใช้งานแล้ว หรือโถงทางเดินเก่า, ส่วนต่อขยายต่างๆ, ช่องระบายอากาศ หรือกระทั่งโรงอาหารเก่าที่ครั้งหนึ่งเคยคร่าคร่ำไปด้วยพนักงานที่มาอาศัยสถานที่นี้ฝากปากฝากท้อง

แล้วยังมีการพาเราไปเยี่ยมชมยังพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสารพัดสิ่งของเกี่ยวกับรถไฟใต้ดินเอาไว้ ไม่ว่าจะรถไฟขบวนเก่าแก่ แผนที่ต่างๆ, ป้ายและรูปโปสเตอร์ในแต่ละยุคสมัยซึ่งบอกเลยว่าผมรู้สึกสนุกไปกับการได้ดูและฟังเรื่องราวสิ่งของเหล่านี้ครับ

พิธีกรรายการก็คือ Tim Dunn และ Siddy Holloway ซึ่งรายแรกนั้นพี่เขาคลั่งไคล้รถไฟมากๆ ครับ ผมจำได้เลยว่าตอนดูสารคดีเกี่ยวกับรถไฟอื่นๆ บางทีก็จะได้เห็นหน้าพี่เขา ส่วน Holloway ก็จะพาเราไปลุยตามสถานที่ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่ก็มีความน่าสนใจและมีเศษซากแห่งประวัติศาสตร์คงอยู่ที่นั่น – ทั้งคู่ดำเนินรายการได้น่าสนใจครับ ถือว่าทำการบ้านมาดี และที่แต่ละแห่งที่พวกเขาพาไปมันก็น่าสนใจด้วย

ผมได้ดูไป 2 ปีครับ ปีละ 10 ตอน ซึ่งจริงๆ ยังมีปี 3 ปี 4 อีกแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ดูเมื่อไร – และสำหรับ 2 ปีนี้ที่ผมได้ดู ผมรู้สึกเพลิดเพลินครับ ได้เห็นส่วนต่างๆ ของสถานีรถไฟที่ในชีวิตจริงผมคงไม่มีโอกาสได้เข้าไปดูหรอก และที่ผมชอบคือการได้เห็นร่องรอยประวัติศาสตร์ต่างๆ อย่างโถงทางเดินที่เลิกใช้ไปแล้ว แต่ก็ยังมีโปสเตอร์หนังในยุคนั้นๆ ติดอยู่ ผมว่าถ้ากำแพงมันเล่าเรื่องเองได้นี่เราคงได้ยินเรื่องราวอีกสารพัดเลยล่ะ – ผมชอบอะไรแบบนี้จังครับ

ผมหลายช่วงหลายตอนเลยครับที่ผมชอบ โดยเฉพาะตอนพวกเขาสัมภาษณ์พักงานรถไฟที่บอกเล่าเรื่องราวเมื่อสมัยก่อน หรือบางคนก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวนั้นเช่น “วันสุดท้าย” ในโอกาสต่างๆ อย่างวันสุดท้ายที่สถานีรถไฟนี้ถูกใช้งาน วันสุดท้ายที่ของชิ้นนี้ถูกใช้งาน หรือวันสุดท้ายที่ปล่องนี้ โถงนีถูกใช้งาน มันเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ชวนให้เราหลับตานึกถึงบรรยากาศของวันเหล่านั้นครับ

ตอนที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผมคงเป็นตอนที่กล่าวถึงเหตุการณ์ไฟไหม้สถานีรถไฟใต้ดินคิงส์ครอสส์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 1987 น่ะครับ ไม้ขีดไฟเพียงก้านเดียวสามารถสร้างความเสียหายใหญ่หลวง มีผู้เสียชีวิตไปถึง 31 คนในเหตุครั้งนั้น

มันทำให้ตระหนักถึงเรื่องบุหรี่นะครับ อันว่าการสูบบุหรี่ของคนนี่มันไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องสุขภาพเท่านั้น แต่เมื่อคุณสูบ คุณคาบของติดไฟไว้ที่ปาก ซึ่งมันสามารถลุกไหม้ได้ถ้าท่านทำดูแลมันไม่ดี – แบบที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในที่นี้ – ดังนั้นการสูบบุหรี่ของท่านจึงต้องมีความรับผิดชอบสูงมากนะครับ เพราะผลเสียมันไม่ใช่แค่ส่งผลต่อปอดตนและปอดคนรอบข้างเท่านั้น แต่มันอาจก่อให้เกิดหายนะและความสูญเสียครั้งใหญ่ได้เลย

อีกสิ่งหนึ่งที่ชอบคือ ระหว่างที่พวกเขาสัมภาษณ์พนักงานฝ่ายต่างๆ หากท่านสังเกตท่านจะเห็นบางสิ่งในแววตาของเหล่าพนักงานครับ มันสื่อว่าพวกเขามีความภาคภูมิใจในงานที่ทำมากแค่ไหน บางคนนี่ท่านน่าจะเห็นประกายจากแววตาเขาเลยล่ะ

บางเรื่องบางประเด็นพอได้รู้แล้วก็สามารถเอามาปรับใช้กับชีวิตจริงของเราได้ เช่น ตามสถานีที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว จะมีป้ายบอกไว้เลยว่าพนักงานที่ต้องมาทำงานยังสถานที่นี้ โปรดอย่าวางของกีดขวางทางเดิน เพราะทางเดินเหล่านี้อาจต้องถูกใช้เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น รถบางขบวนหากไม่สามารถไปจอดยังสถานที่ปกติได้ แล้วจำต้องมาจอดยังสถานีที่ไม่ได้ใช้แล้วนี้ หากผู้โดยสารต้องอพยพกะทันหันก็จะได้ไม่เกิดปัญหา – มันคือการเตรียมพร้อมอย่างแท้จริงเลยครับ

ถือเป็นสารคดีที่ให้อะไรหลายอย่างครับ ไม่ว่าจะได้รู้เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์, ได้รู้หลักคิดหลักบริหารงานของคนแต่ละยุคสมัยที่มีสิ่งที่ต้องคำนึงต่างกันไปตามแต่บริบทของสังคมหรือสถานที่ในยุคนั้นๆ, ได้รู้ได้เห็นวิวัฒนาการของรถไฟใต้ดิน, ได้รับพลังบวกและความรู้สึกดีๆ จากเหล่าพนักงานที่ทำงานกันอย่างภาคภูมิในหน้าที่ของตน และที่สำคัญสำหรับผมคือ เหมือนได้ผจญภัยเล็กๆ ไปยังหลืบเร้นต่างๆ ของสถานีรถไฟในลอนดอนครับ

และอยากขอชม 2 ผู้ดำเนินรายการเลยครับ มันรู้สึกได้เลยนะว่าพวกเขาชื่นชอบและหลงใหลเรื่องเหล่านี้จริงๆ มันทำให้การนำเสนอดูมีรสมีชาติมากขึ้นครับ

ผมก็ไม่แน่ใจน่ะนะครับว่าจะมีคนสนใจดูสารคดีนี้สักเพียงไหน แต่ดูแล้วก็อยากนำมาเล่าครับ ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่าสารคดีนี้เป็นแนวของท่าน ก็ลองจัดดูครับ

สองดาวครึ่งบวกๆ ครับ

(7.5/10)