Chinese Series

นักสืบไชน่าทาวน์ 2 (2024) Detective Chinatown Season 2

ไปๆ มาๆ ผมคงเป็นแฟนหนังซีรี่ส์นี้แบบไม่รู้ตัวครับ เพราะแม้จะไม่ถึงกับชอบโคตรๆ แต่ก็ถือว่าชอบในระดับหนึ่ง แล้วก็ตามดูมันทุกตอนทั้งเวอร์ชั่นหนังและซีรี่ส์ ซึ่งโดยรวมมันก็เพลินดีแหละครับ

สำหรับ Season นี้ ก็แบ่งออกเป็น 4 คดี รวมแล้วก็จะได้ 16 ตอนครับ โดย 2 คดีแรกตัวเอกจะเป็น หลินม่อ (Roy Chiu) ลูกศิษย์ของถังเหริน (หวังเป่าเฉียง, Wang Bao Qiang) ในการไขคดีปริศนาที่ทำให้พี่ท่านต้องลงทุนแฝงตัวเข้าไปสืบในสถานบำบัดทางจิตแห่งหนึ่ง ส่วนคดีต่อมาก็ว่าด้วยลัทธิที่หากินกับความเชื่อของคน จนทำให้เกิดเรื่องเศร้าตามมา

ส่วน 2 คดีหลังตัวเอกจะเป็น คิโกะ (ซ่างอวี่เสียน, Shang Yu Xian) แฮคเกอร์สาวที่มีบทบาทในฉบับหนังภาค 2 และ 3 ซึ่งเธอมีชื่อจริงว่า หวังเซิ่งหนาน ครับ โดย 2 คดีที่เธอต้องไขก็ว่าด้วยคดีค่ามนุษย์ที่ทำให้เธอนึกถึงน้องสาวของเธอที่ฆ่าตัวตายไปเมื่อหลายปีก่อน ส่วนอีกคดีก็ว่าด้วยโลกแห่งการเงินออนไลน์ที่อาจส่งผลเลวร้ายสะเทือนถึงเศรษฐกิจระดับชาติ

เหมือนว่าปีนี้คนจะไม่ชอบกันเท่าไรครับ เห็นมีคนบ่นกันเต็มเลย ซึ่งผมก็พอเข้าใจนะ เพราะบางอย่างก็ดูคุณภาพดร็อปลงจากปีแรก เช่นฉากต่างๆ ที่บางอันก็รู้เลยว่าเซ็ตขึ้นมา มันเลยดูเป็นฉากในสตูดิโอมากกว่าจะเป็นของจริง หรือการเดินเรื่องและการไขคดีที่บางทีก็ออกแนวแฟนตาซีเยอะอยู่ คือรูปคดีและเหตุการณ์มันก็ยังเกิดในโลกความจริงนี่แหละครับ แต่บางอุบายของคนร้าย หรือเหตุการณ์บางอย่างมันดูเว่อร์ไป จนเขยิบจากความเป็นหนังสืบสวนกลายเป็นออกแนวแฟนตาซีแทน อะไรเหล่านี้ก็พอเข้าใจได้หากท่านที่ชมแล้วจะรู้สึกว่ามันแปร่งๆ

ส่วนผมเองก็เห็นจุดอ่อนเหล่านั้นอยู่ครับ แต่อาจเพราะผมดูหนังสืบสวนระยะหลังๆ ของจีนมาพอสมควร (โดยเฉพาะสารพัด ตี๋เหรินเจี๋ย) เลยพอจะรับได้กับความแฟนตาซีบางประการที่ปรากฏอยู่ แล้วก็หันมาจับจ้องที่การไขคดีและการตามปมต่างๆ ซึ่งผมว่าก็ยังโอเคนะ อาจไม่ได้สุดยอดเท่า 2 คดีจากปีแรก แต่ก็ยังดีกว่าคดีสุดท้ายของปีแรกเยอะ คือถ้าเราปรับความคาดหวังแล้วดูแบบเอาเพลินๆ มันก็ยังโอเคนะครับ สนุกดี ลุ้นดี แล้วก็ชวนให้เราใช้สมองในระดับหนึ่งด้วย

ดังนั้นผมว่าท่านจะชอบซีรี่ส์ปีนี้ไหมก็คงต้องขึ้นกับว่าท่านพอจะรับความแฟนตาซีหรือความเกินจริงบางอย่างของหนังได้ไหม ถ้ารับได้ (แบบผม) ก็น่าจะรู้สึกสนุกอยู่

และในฐานะที่ผมมองว่าหนังสนุก ถ้าถามว่ามันสนุกยังไง ผมก็ว่ามันเดินเรื่องได้ลื่นดีครับ มีปมมีอะไรให้ตามลุ้น บางช่วงก็มีจุดหักมุม ก็ถือว่ามีความน่าติดตามพอประมาณ หรือบางช่วงก็สะท้อนความจริงของสังคมโดยเฉพาะเรื่องลัทธิที่ทำให้คนเชื่อจนยอมหมดเนื้อหมดตัว หมดทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อหวังว่าจะได้ในสิ่งที่ตนต้องการ นี่ก็สื่อถึงโทษของความงมงายได้เข้าท่าอยู่เหมือนกัน

ส่วนดาราในปีนี้เราก็จะได้เจอกับ จางอี้ซ่าง (Zhang Yi Shang) ในบทซ่าซา ตำรวจสาวที่มีความรู้สึกดีๆ ให้หลินม่อ, Xiao Yang กลับมารับบทคุนไท่, Yu Hao Ming รับบท หลินเซิน นายตำรวจที่เดินหน้าสืบคดีร่วมกับคิโกะ, Kenny Bee รับบท หลินอิงซู่ พ่อของหลินเซิน, หลี่ซ่งเสียน (Jackie Lui) หรือ เล้งฮู้ชง จากเดชคัมภีร์เทวดา (1996) มาเป็นเฉินจิงฮั่น หนึ่งในหุ้นส่วนผู้ก่อตั้งวีเพย์ และ พี่จา พนม กลับมารับบท แจ็ค จา นักสืบขาลุยจากเมืองไทย

และอยากบันทึก 2 คำพูดชวนคิดเอาไว้ครับ อันแรกมาจากหลินอิงซู๋ ที่พูดว่า “ถ้าไม่มีคนตามหาความจริง โลกนี้จะยังมีความหวังอีกเหรอ?”

อีกอันก็คือคำพูดของเฉินจิงฮั่น “ถึงเราจะไม่มีอะไรเลย เราก็ควรมีเป้าหมาย”

สรุปว่าอยากให้ลองครับ แม้ผมจะออกแนวชอบแต่ก็เดาว่าน่าจะมีคนที่ชอบอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

สองดาวครึ่งครับ

(7/10)