รีวิวหนัง/ภาพยนตร์

The Stupids (1996) เดอะ สติวปิ้ดส์ ตระกูลนี้มีแต่เฮง

1363804404

ลองว่าเป็นหนังตลกติงต๊องล่ะก็ ผมก็กะจะดูเอาขำอยู่แล้วล่ะครับ แล้วเรื่องนี้จริงๆ มันก็น่าจะสนุก (ลองผมขึ้นแบบนี้แล้วล่ะก็ ผลมักมักจะไม่ค่อยขำทุกทีเน้อะ )

กับเรื่องราวของครอบครัวที่ติงต๊องที่สุดในโลกครับ ตระกูลสติวปิ้ดส์ ซึ่งประกอบไปด้วยคุณพ่อ นายสแตนลี่ย์ สติวปิ้ดส์ (Tom Arnold) หัวหน้าครอบครัวผู้เป็นทั้งผู้นำและฮีโร่ในคนเดียวกัน, ตามด้วยคุณแม่ โจแอน (Jessica Lundy) ผู้ห่วงลูกๆ ทุกเวลาและนาที กับลูกๆ สองคน หญิงหนึ่งนามว่าเพทูเนีย (Alex McKenna) และชายหนึ่งนามว่าบัสเตอร์ (Bug Hall)

ความเด่นของครอบครัวนี้คือมันต๊องกันทั้งบ้านครับ เอาแค่เนื้อเรื่องก็ไร้สาระมากแล้วล่ะ คืออย่างนี้ครับ นายสแตนลี่ย์แกตื่นเช้ามา แล้วก็เปิดดูถังขยะหน้าบ้านตัวเอง ก็พบว่ามีใครก็ไม่รู้มาขโมยขยะในถังของเขาไปหมดเลย! ถามเมียเมียก็ไม่ทราบครับ ด้วยเหตุนี้สแตนลี่ย์ก็ไม่ขอทนอีกต่อไป ไอ้โจรขโมยขยะงานนี้มันต้องเจอดีแน่ๆ

ส่วนคุณลูกๆ พอเห็นพ่อไม่อยู่บ้านก็เลยออกตามหา โดยการไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แต่คุณแม่โจแอนที่รักดันเข้าใจผิดคิดว่าตำรวจทั้งสถานีลักพาตัวลูกเขาไป

ยังไม่หมดครับ เพราะการตามล่าขยะของสแตนลี่ย์ก็ยังดำเนินไป แล้วพวกเขาจะสามารถเอาขยะที่โดนขโมยไปมาคืนได้หรือไม่ การผจญภัยรูปแบบไหนรอคอยครอบครัวต๊องๆ นี้อยู่ ก็ต้องลองดูกันล่ะนะครับ แต่ถ้าให้พูดกันอย่างเพื่อนเตือนเพื่อนล่ะก็ ไม่ต้องดูก็ไม่มีปัญหาครับ

จริงๆ เนื้อเรื่องมันเข้าท่านะ คือแนวมันไร้สาระมาแต่ไกลเลยล่ะ ถ้าทำขำมันก็เพลินล่ะครับ ดูความต๊องของตัวละครไปเรื่อยๆ แล้วก่อนผมจะดูหนังเรื่องนี้แบบเต็มๆ ผมก็เคยดูแบบแว่บๆ ใน HBO ฒาก่อนนะครับ ก็รู้สึกว่ามันขำดีนี่หว่า แต่ทำไมมันถึงโดนวิจารณ์กันกระหน่ำขนาดนั้นล่ะโดนด่ายับเลยล่ะครับ แล้วที่สำคัญคือมันเจ๊งอย่างแรง ลงทุนไป 25 ล้าน ได้คืนมาแค่ 2 ล้าน 4 แสนกว่าเท่านั้นเอง

แล้วพอได้ทัศนาดูตั้งแต่ต้นจนจบก็พอจะพบคำตอบว่าทำไมมันถึงจอดไม่แจวได้ขนาดนี้

ประการแรกเลยคือ มันไร้สาระมากๆ ครับ อาจจะจนเกินไปอ้ะ ผมเชื่อว่าตอนที่ทีมงานคิดจะทำมันคงสนุกแน่ๆ แค่นึกถึงครอบครัวที่เอาแต่คิดแบบติงต๊องไปวันๆ มันก็น่าจะฮาแล้วล่ะ แต่การนำมาถ่ายทอดสร้างเรื่องเป็นหนังให้คนสนใจมันไม่ใช่แค่นั่นหรอกครับ มันยากนะ การจะสื่อให้คนดูขำเนี่ย

ในเรื่องมันอาจจะพอดูได้ในตอนต้นครับ เพราะครอบครัวนี้มันต๊องกันจริงๆ เอาแค่เรื่องขโมยขยะก็รู้สึกว่าบ้าดีแล้ว แต่พอดูๆ ไปมันก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้นน่ะครับ ซักพัก็เริ่ม่ความคิดเข้ามานหัวว่า ไม่รู้จะดูไปทำไมเหมือนกัน เพราะมันไร้แก่นสาร ดูไปก็ไม่รู้ตอนจบมันจะเป็นยังไง แล้วมันจะทำไปเพื่ออะไร คือมันไม่ดึงดูดน่ะครับ ดูแล้วมั่นใจว่าตัวละครไม่มีใครตายหรอก แล้วขณะเดียวกันจะให้ตูลุ้นอะไรฟะ ไอ้ครอบครัวนี้มันไม่ได้อยู่ท่ามกลางเรื่องคอขาดบาดตายซะหน่อย มันบ้าไปเองน่ะ

หนังเรื่องนี้เลยเขาข่ายว่า ดูไปทำไมก็ไม่ทราบ ส่วนเรื่องความตลกนั้น หนังมีบรรยากาศเบาๆ แทรกไปตลอด ซึ่งอันนี้เป็นสไตล์ของผู้กำกับ John Landis อยู่แล้วล่ะครับ ทำหนังไปมันก็เบาๆ ไม่หนัก ซึ่งจุดสำคัญมันอยู่ที่ตัวละครจะสร้างความฮาได้มั้ย และบทมันจะตลกมั้ย แต่ในเรื่องนี้มันเหมือนสร้างเรื่องจากอากาศจริงๆ ครับ ดูโล่งโถงมากๆ แค่จับแพะมาชนแกะไปเรื่อยๆ

จะพูดไปจุดอ่อนสำคัญมันอยู่ที่บทนี่แหละครับ มันไม่มีอะไรจริงๆ ส่วนความตลกนั้นก็ไม่มากมายอะไร มันมีความต๊องมากมายมากกว่า แล้วความต๊องที่ว่านี่ดูราวๆ 10 นาทีน่ะพอได้ครับ แต่ถ้าให้ดูต่อเนื่องยาวนานตั้งชั่วโมงครึ่งมันก็ต้องเบื่อเป็นธรรมดา

ในขณะที่ส่วนอื่นๆ ของหนังมันก็พอไหวล่ะครับ ดารานำก็โอเค ตัวนำของเรื่องก็คือพี่ Tom Arnold ดาราตลกอีกรายที่พี่ท่านไม่มีปัญหาในการเล่นตลกอยู่แล้วครับ อย่างที่เขาไปประกับเล่นกับพี่ Arnold ใน True Lies นั่นก็เห็นแล้วล่ะครับว่าเขาเล่นหนังได้ แต่ทำไงได้ในเมื่อบทมันไม่มีแก่นสารจริงๆ ไม่ฮาด้วย

ในขณะที่ดาราคนอื่นๆ อย่าง Lundy, Hall แล้วก็ McKenna ก็มาเป็นตัวการ์ตูนแบบเต็มร้อย

จนผมมานั่งคิดว่าถ้าหนังมันทำเป็นการ์ตูนนะครับ ตอนสั้นๆ ฉายทางทีวีแทนเนี่ย มันน่าจะเวิร์คกว่านะ เพราะผมว่ามันพอเหมาะที่จะดูเป็นช่วงๆ คราวละไม่กี่นาทีพอครับ แต่ถ้าให้มาดูต่อกันยาวๆ มันก็ต้องเบื่ออย่างนี้แหละ

อืมม์ หนังเลยออกมาไม่มีอะไรครับ เพราะมันไม่มีอะไรจริงๆ บทโล่ง ตลกก็ไม่ค่อยตลก คือท่านพอเข้าใจมั้ยครับเหมือนเราเห็นคนทำปัญญาอ่อนน่ะ ตอนแรกก็พอเข้าท่าดีพอขำ แต่พอมันทำให้เราดูไปซักชั่วโมงหนึ่งเราก็อยากจะไปทำอย่างอื่นแล้ว นึกออกมั้ยครับ นี่แหละปัญหาของหนังล่ะ

ก็ให้สงสารผู้กำกับ John Landis ล่ะครับ เพราะหนังเจ๊งยาวมากช่วงหลังๆ เนี่ย จะเห็นได้ว่าเขาเป็นผู้กำกับที่ไม่มีปัญหาในเรื่องการสร้างบรรยากาศผ่อนคลายครับ เพราะขนาดเรื่องนี้ที่ผมบ่นเยอะ แต่มนก็ดูสไตล์เป็นหนังตลกน่ะ เบาๆ แต่เขาต้องทำหนังที่มีบทดี กับดาราที่มีฝีมือเท่านั้น เพราะลำพังแกเองดูเหมือนว่าจะคุมได้แค่บรรยากาศครับ ถ้าดาราหลุดไปหรือบทไม่มีที่ไปแกก็คุมทิศทางไหนไม่อยู่เหมือนกัน อย่างในเรื่องนี่ดูไปก็พาลจะเลอะเทอะเอา

จริงๆ จุดที่หนังฮามันก็มีนะครับ แต่แค่ฉากเดียว และฉากที่ว่านั่นคือไอ้ฉากที่ผมว่าผมดูแว่บๆ ใน HBO แล้วเห็นว่าขำดีน่ะแหละ นั่นคือตอนบุกสถานีโทรทัศน์ (คิดดูครับ เริ่มจากตามหาขยะไป แล้วมันดันไปโผล่สถานีทีวี มันไปของมันได้โว้ย) ตอนที่ว่านี่ก็สนุกดีครับ พี่แกร้องเพลงบรรยายว่าเขาเป็นปู่ตัวเองได้ยังไง อันนี้ถือว่าขำอยู่ แต่มันฮาอยู่ฉากเดียวนั่นแหละ

งั้น มันสุดแท้แต่ท่านนะครับ อารฒณืตอนดูจบออกมาก็ประมาณดึกดำดึ๋ยน่ะแหละ แนวทางก็ใกล้กันนะครับ ไร้สาระไร้ทิศทางพอกัน เรื่องออกทะเลเลอะพอกันด้วย

โดยส่วนตัวแล้วผมว่าท่านอาจจะดูหนังสนุกได้ครับ ถ้าท่านไม่คิดมาก ต้องไม่คิดมากอย่างแรงเลยนะครับ ละตัวตนออกหมด ทีนี้หนังมันจะงี่เง่าแค่ไหนก็น่าจะรับได้แล้วล่ะ แต่ขนดาผมพยายามทำอย่างนั้นก็ยังรู้สึกเสียดายเวลาไม่ใช่น้อยนะฮะ เอาเวลาไปดูอย่างอื่นดีกว่า

ครับ หนังไม่สนุก แต่ยังไงหนังของพี่ John Landis ก็ยังคงเอกลักษณ์อยู่ตามเคย นั่นคือ หนังของพี่ท่านเนี่ยจะต้องทมีการเชิญผู้กำกับมากหน้าหลายตามาเป็นดารารับเชิญ ซึ่งในเรื่องก็มี Gurinder Chadha (ผู้กำกับหญิงชาวเคนยาแห่ง Bend It Like Beckham), Costa-Gavras (Mad City), David Cronenberg (ผู้กำกับหนังสยองอย่าง The Fly), Atom Egoyan (The Sweet Hereafter), Mick Garris (Critters 2: The Main Course, Psycho IV: The Beginning, Sleepwalkers และ The Stand กับ The Shining 2 อันหลังนี่ฉบับซี่รี่ส์นะครับ), Norman Jewison (In the Heat of the Night, Rollerball), Gillo Pontecorvo (ผู้กำกับชาวอิตาลีที่ล่วงลับไปแล้วนะครับ) และ Robert Wise (Star Trek: The Motion Picture, West Side Story แล้วก็ The Sound of Music)

อย่างน้อยแฟนผลงานของพี่ Landis ก็ยังสามารถสนุกกับอะไรทำนองนี้ได้ครับ แต่แน่นอนว่ามันช่วยหนังไม่ได้ครับ

สุดแท้แต่ท่านนะครับ หนังไม่ขำนัก ความสนุกน้อย แต่เรื่องไร้สาระล่ะยอมรับครับ มันบ้ากันดี แต่ว่ามันไม่ทำให้ฮาได้ ดูไปฝืดเยอะสุดๆ

ไม่ถึงสองดาวตามระเบียบ

Star12

(5/10)