
คิดอยู่พักหนึ่งว่าจะเขียนดีไหม แต่สุดท้ายก็บอกตัวเองว่าเขียนๆ ไปเถอะ 555 ซึ่งก็ต้องออกตัวก่อนว่าผมอาจมองไม่เหมือนคนอื่นเท่าไรนะครับ เพราะดูแล้วหนังเรื่องนี้กระแสดี คนชมเยอะ ซึ่งจริงๆ หนังมันก็มีดีนั่นแหละ เพียงแต่อาจไม่ใช่ทางของผม
คิดอยู่พักหนึ่งว่าจะเขียนดีไหม แต่สุดท้ายก็บอกตัวเองว่าเขียนๆ ไปเถอะ 555 ซึ่งก็ต้องออกตัวก่อนว่าผมอาจมองไม่เหมือนคนอื่นเท่าไรนะครับ เพราะดูแล้วหนังเรื่องนี้กระแสดี คนชมเยอะ ซึ่งจริงๆ หนังมันก็มีดีนั่นแหละ เพียงแต่อาจไม่ใช่ทางของผม
ภาคแยกของ Ip Man นะครับ โดยจับเอาตัวละคร จงเทียนฉี (จางจิ้น) จากภาค 3 มาขยายเรื่องราว
ว่ากันแบบไม่อ้อมค้อมครับ การดู Skin Trade ไม่ได้ทำให้ต่อมมันส์หรือต่อมสนุกของผมทำงานสักเท่าไรเลย
ภาคต่อจาก SPL ภาคแรกที่เจิ้นจื่อตันแสดงไว้ครับ
ภาคที่ 3 ของ Never Back Down ซึ่งเมื่อพูดถึงหนังชุดนี้แล้วผมว่าสไตล์มันเปลี่ยนไปในแต่ละภาคนะครับ อย่างภาคแรกนี่ออกแนว The Karate Kid แบบผู้ใหญ่ พอมาภาค 2 ก็เป็นส่วนผสมระหว่างหนังภาคแรกกับหนังบู๊ที่มีโลกแห่งการต่อสู้แบบดิบๆ เข้ามาเกี่ยว
ดู xXx มาทั้ง 2 ภาคครับ แล้วก็ออกตัวเลยว่าไม่ได้เป็นแฟนของหนังชุดนี้ คือดูได้เรื่อยๆ น่ะครับ แต่มันอาจจะไม่แนวสำหรับผมเท่าไร (ซึ่งก็แอบแปลกใจเพราะปกติชอบหนังแนวสายลับตะบันกู้โลกแบบนี้ออก) ดูไปภาคละรอบเท่านั้นเองครับ
ตอนแรกหมายมั่นว่าจะเข้าไปพิสูจน์มันในโรงซะเลย เพราะภาคแรกนี่ผมชอบนะครับ แม้พล็อตจะไม่มี แต่แอ็กชันมันไม่ผิดหวัง ตีกันมันส์ใช้ได้ ไอ้เรื่องฮาก็เรื่อยๆ ผมเลยสนุกไปตลอดครับ พอภาคสองจะสร้างก็รอตามระเบียบ ด้วยความหวังว่ามันจะสนุกไม่แพ้ตอนแรก
ย้อนมาพูดถึงภาคแรกหน่อยดีกว่า เคยพูดถึงภาคสองไว้แล้ว และก็ไม่ค่อยประทับใจนัก แต่ผมชอบภาคแรกนะครับ เลยขอยกมาพูดถึงหน่อยแล้วกัน
ภาคนี้ตอนฉายโรงได้รับคำชมจนอ่วมอรทัยไปเลยนะครับ 555 ซึ่งตอนนั้นตัวผมก็ยอมรับว่าไม่ถึงกับอยากดูมาก ไว้รอแผ่นก็ได้ ครั้นพอดูแล้วก็… ก็ขอบอกเนิ่นๆ เลยว่าที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ก็คงไม่ได้ช่วยสมานแผลให้กับหนังสักเท่าไร
หนังเจ้าของประโยค “ช้างกูอยู่ไหน” ในตำนานน่ะนะครับ ว่าด้วยขาม (จา พนม ยีรัมย์) กับการตามหาช้างพ่อลูกที่โดนพวกค้าสัตว์ข้ามชาติจับส่งไปกรุงซิดนี่ย์ ประเทศออสเตรเลีย