ภาคที่แล้วไม่เวิร์คนัก ขนาดพี่สไลเองก็ยังไม่โอเคจนเอ่ยปากออกมาตรงๆ ภาคนี้เลยเหมือนลืมๆ ภาค 2 ไป เพราะภาค 2 จบแบบทิ้งเชื้อเอาไว้ แต่มาภาคนี้หนังข้ามเรื่องพวกนั้นไปเลยครับ มาเส้นเรื่องใหม่เลย

หนนี้เรย์ เบรสลิน (Sylvester Stallone) ต้องเผชิญหน้ากับเลสเตอร์ คลาร์ค จูเนียร์ (Devon Sawa) ผู้มากับความแค้น เขาได้เดินแผนลักพาตัวดาย่า จาง (Melise) ลูกสาวนักธุรกิจชื่อดังคนหนึ่ง นั่นทำให้เรย์ต้องผนึกกำลังกับเฉิน (จางจิน, Zhang Jin) บุรุษลึกลับผู้แสดงตัวว่าต้องการไปช่วยดาย่า และเป่าหยง (Harry Shum Jr.) บอดี้การ์ดของดาย่าที่ต้องการทำงานนี้เพื่อแก้ตัว

นอกจากนี้ก็ยังมี Dave Bautista มาเป็นเทรนท์ เดอโรซ่า สหายของเรย์ที่พร้อมลุยไปด้วยกัน, Jaime King กลับมารับบท อบิเกล รอสส์ คนรักของเรย์ และ Russell Wong มาเป็นนักธุรกิจผู้เป็นพ่อของดาย่า

หนังดูมีทิศทางชัดเจนขึ้นครับ คือเดินเรื่องแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อนมาก แต่ก็ดูง่ายกว่าภาคก่อนเช่นกัน จริงๆ ช่วงต้นๆ หนังถือว่าน่าสนใจเลยนะ ไล่ตั้งแต่การแนะนำตัวละครต่างๆ รวมถึงฉากการลักพาตัว เรียกว่าอะไรๆ ดูน่าสนใจ แต่หนังกลับเลือกเดินเรื่องแบบไม่น่าติดตามนักในครึ่งหลัง คือแทนที่หนังจะไปเน้นนำเสนอการวางแผนหรือการปฏิบัติการของพวกเรย์ หนังกลับเลือกไปเล่าเรื่องของฝ่ายร้าย ฉากที่เราจะได้ดูเลยมีแต่การทรมานคนที่โดนจับไป หรือไม่ก็พฤติการณ์โหดๆ ของฝ่ายร้ายแทน

ส่วนตัวแล้วผมมองว่าหนังอาจจะทุนจำกัดน่ะครับ (ราว $3.6 ล้าน) เลยจำต้องเน้นฉากการทรมานเหยื่อของพวกผู้ร้ายเพราะมันถ่ายทำง่ายและไม่ต้องใช้สถานที่มาก แต่หากหนังไปเน้นการปฏิบัติการของฝ่ายพระเอก มันอาจต้องลงทุนเยอะกว่า ไม่ว่าจะเรื่องสถานที่หรือฉากแอ็คชั่นต่างๆ อีก หนังเลยเลือกเดินทางนี้ซึ่งก็พอเข้าใจได้ครับ แต่ก็ต้องยอมรับนั่นแหละว่าพอเลือกเดินทางนั้น ความสนุกของหนังมันเลยลดระดับลง

คนที่ถือว่ามาขโมยซีนต้องยกให้จางจินครับ พี่ท่านบู๊ได้มันส์ตามสไตล์ เอาแค่ฉากเปิดตัวก็ได้ปล่อยของแล้ว เสียดายที่เขาไม่ค่อยได้มีวาระแบบนั้น กว่าจะได้บู๊อีกทีก็ปาไปตอนท้ายแล้ว แต่อย่างน้อยก็ดูแล้วมันส์ครับ

จริงๆ หนังสามารถทำให้ตัวเองเป็นสไตล์ Expenables ฉบับนักแหกคุกได้เลยนะ แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะเงินจำกัดน่ะครับ เลยเนรมิตแอ็คชั่นมากไม่ได้ หนังเลยดูเป็นเกรดรองไปโดยปริยาย

แต่อย่างหนึ่งที่ชอบในเรื่องนี้คือปืนที่เทรนท์ใช้ครับ โคตรเท่ห์และโคตรแรงเลย

หนังกำกับโดย John Herzfeld ที่เคยมีงานในอดีตที่น่าจดจำอย่าง 2 Days in the Valley และเหตุผลหนึ่งที่เขาได้มาทำเรื่องนี้ก็เพราะเขาเป็นสหายเก่าแก่ของพี่สไลนั่นเองครับ

สรุปว่าหนังชุดนี้ ดูภาคแรกก็น่าจะพอแล้วครับ ภาคต่อสามารถละไปได้เลย ยกเว้นอยากดูให้ครบชุดก็ว่ากันไป ส่วนผมก็ดูแบบไม่คาดหวัง แล้วก็อย่างที่บอกครับว่ารู้สึกว่ามันเข้าท่ากว่าภาค 2 แต่ยังไงก็ยังไม่ถึงระดับน่าดูอยู่ดี

ดาวครึ่งครับ

(5/10)