ตอนดูเรื่องนี้รอบแรก ผมจะออกแนวเฉยๆ ครับ มันรู้สึกว่าฉากต่อสู้ยังไม่มันส์เท่าไร และการเล่าเรื่องก็ออกแนวเรื่อยๆ ยังไม่ชวนติดตามแบบเต็มๆ
ครั้นมาดูรอบสอง จุดที่ผมเฉยก็ยังเฉยอยู่ครับ แต่กลายเป็นว่าผมเพลินกับหนังมากขึ้น รู้สึกว่าโครงเรื่องมันโอเค การแนะนำตัวละครก็เข้าท่า ดูแล้วจดจำตัวละครทั้งหลายได้ แต่ละคนมีโมเมนต์ของตัวเอง และทิศทางของหนังก็ถือว่าได้อยู่
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมโอเคกับหนังมากขึ้นอาจเพราะดูรอบนี้มันรู้อะไรๆ เกี่ยวกับหนังไปแล้วน่ะครับ คือรอบแรกที่ดูมันยังไม่รู้อะไรมากนัก แล้วก็เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าความตั้งใจของคนทำนั้นกะจะทำออกมาเป็นไตรภาค โดยให้ภาคแรกเล่าเรื่อง “ก่อน” การแข่งขันมอร์มัลคอมแบท แล้วภาค 2 ก็จะเล่าเหตุการณ์ตอนแข่ง ส่วนภาค 3 ก็จะเป็นเหตุการณ์หลังการแข่ง
มันเลยรับอะไรหลายอย่างได้มากขึ้น อย่างแรกเลยคือคิวบู๊ คือมันเข้าใจได้น่ะครับว่าการที่ตัวเอกยังสู้ได้ไม่เชี่ยวนัก ยังออกลีลาได้ไม่มากนักก็เพราะพวกเขายังไม่ได้รับการฝึกมากพอ ลีลาบู๊เลยยังไม่หวือหวา แต่อย่างน้อยตอนท้ายที่สกอร์เปี้ยนสู้กับซับซีโร่นั่นก็ค่อยมันส์หน่อย เลยคิดเสียว่าภาคนี้เป็นการอุ่นเครื่องวอร์มอัพก่อนศึกมอร์ทัลคอมแบทของจริง
ว่าง่ายๆ คือภาคนี้ยังไม่ถึงกับมันส์ก็ยังพอรับได้ แต่ถ้าภาคต่อไปยังไม่มันส์อีกเนี่ย อันนี้ก็ต้องยกความรับผิดชอบให้คนทำแล้ว
และในแง่งานสร้างก็ถือว่าโอเคครับ คือมันอาจจะยังไม่แฟนตาซีอะไรเต็มที่นัก แต่ก็ถือว่าใช้ได้ถ้าดูจากทุนสร้าง $55 ล้าน ดาราแต่ละคนก็แสดงบทได้ค่อนข้างดี อย่างที่บอกน่ะครับว่าดูจบแล้วจำได้ว่าใครเป็นใคร คาแรคเตอร์เป็นแบบไหน ถือเป็นการปูพื้นก่อนไปจัดเต็มในภาคต่อไป
แต่สิ่งที่เคยรู้สึกเฉยในรอบแรกก็ยังคงเดิมครับ นั่นคือถ้าหนังเล่าเรื่องได้ชวนติดตามกว่านี้ มีลูกเล่นอะไรมากกว่านี้หนังคงสนุกขึ้น ส่วนเรื่องคิวบู๊ก็เหมือนกัน แม้จะเข้าใจว่าฝีมือของเหล่าตัวเอกจะยังไม่เก่งมาก แต่อย่างน้อยพวกมุมกล้องหรือการตัดต่อก็น่าจะเสริมความตื่นเต้นเร้าใจได้มากกว่านี้ อ้อ และอีกอย่างเลยที่ยังดีได้อีกคือดนตรีครับ ผมว่าที่ฉบับเก่ามันยังน่าจดจำเนี่ย พลังดนตรีถือว่ามีส่วนช่วยมากเลยนะ สกอร์ที่ใส่ลงมามันเพิ่มความมันส์ให้แต่ละฉากได้ ทำให้ฉากต่อสู้มันดูเร้าใจและร้อนแรงมากขึ้นได้
จนถึงตอนนี้ผมจะยังไม่สรุปครับว่าตกลงมาชอบฉบับก่อนหรือฉบับนี้มากกว่ากัน คือถ้าดูจากภาคแรกนี่ผมว่าทั้งสองฉบับก็มีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไป แต่รวมๆ ก็ถือว่าพอๆ กัน อันนี้ก็ต้องรอดูภาค 2 ล่ะครับว่าจะทำออกมาสนุกไหม หากมันส์ขึ้นเร้าใจขึ้นล่ะก็ คำตอบก็คงชัดเจนเอง (เพราะภาค 2 ของฉบับก่อนนี่ดูแล้วหนักใจมาก 555)
แต่ระหว่างดูก็สัมผัสได้อยู่ล่ะครับว่าผู้กำกับ Simon McQuoid มีความตั้งใจในการทำ ขาดก็แต่เพียงลูกเล่นเท่านั้นแหละ ซึ่งถ้าเขาสามารถเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายลงไปในภาค 2 ได้ ผมว่ามันจะต้องออกมาดีแน่ๆ… ก็ต้องรอดูกันไป
อย่างไรก็ตาม อันนี้ขอติหน่อย คืออยากบอกว่าพวกฉากมืดๆ ทั้งหลายนั้น บางทีไม่ต้องทำให้มันมืดสมจริงขนาดนั้นก็ได้นะ คือมืดแบบให้พอเห็นบ้าง หรือไม่ก็ทำแบบสมัยก่อนก็ได้ คือทำให้คนดูรับรู้ว่ามืด แต่ภาพไม่ต้องมืดจริงก็ได้ เพราะบางฉากนี่มันดูไม่รู้จริงๆ ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น อย่างฉากที่ชอนย่า (Jessica McNamee) ซัดกันเคโน่ (Josh Lawson) เนี่ย ดูไป 2 รอบยังบอกไม่ได้เลยว่าตกลงมันจบลงอีท่าไหน – และไม่ใช่แค่เรื่องนี้นะ แต่หลายเรื่องเลยที่พอฉากมืดๆ ก็ล่อซะมืดตี๊บ คือตรงนี้ไม่ต้องสมจริงก็ได้มั้งครับ เอาพอดีๆ – สารภาพว่าดูไป 2 รอบแต่มองแทบไม่เห็นนี่ก็แอบหงุดหงิดนะนั่น
ก็สรุปในตอนนี้ได้ว่า ยังไม่สมหวัง แต่ก็ไม่ผิดหวังครับ
สองดาวกว่าๆ ครับ
(6.5/10)
หมวดหมู่:Action, Adventure, Fantasy, Martial Arts, Movie Reviews, Sci-Fi, Thriller












