Action

The Fall Guy (2024) สตันท์แมนคนจริง

ดูเรื่องนี้แล้วความรู้สึกแยกออกเป็น 2 ส่วนครับ ส่วนแรกคือส่วนที่ชอบหนังแอ็คชั่น ที่พอดูแล้วก็รู้สึกว่าฉากแอ็คชั่นดูจะไม่มากอย่างที่คิด แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว้าวอะไรนอกจากฉากที่พระเอกตีกับคนในผับหลังโดนยาเข้าไป

ทีนี้พอดูไปสักพัก ความรู้สึกอีกส่วนก็เริ่มทำงานครับ – เป็นความรู้สึกส่วนที่ชอบหนังรอมคอม – มันจับสัญญาณได้ว่าหนังดูจะเทน้ำหนักไปที่โรแมนติกคอมเมดี้เสียมากกว่า ไม่ว่าจะการเล่าเรื่อง การแสดงของดารา ไหนจะเพลงที่ใส่ลงมาอีก ก็สัมผัสได้เลยว่าหนังดูจะเน้นเรื่องความรักระหว่างนายยอดสตันท์แมน โคลท์ ซีเวอร์ส (Ryan Gosling) และผู้กำกับสาวโจดี้ โมเรโน (Emily Blunt) เป็นหลัก ส่วนพวกฉากแอ็คชั่นหรือการสืบสวนไขปริศนาถือเป็นส่วนเสริมที่แทรกลงไปเพื่อเติมรสชาติให้หลากหลายขึ้น

ดังนั้นตอนแรกผมสารภาพเลยครับว่าออกจะรู้สึกเฉยๆ กับหนัง แต่พอเข้าใจโทนเข้าใจอะไรแล้วก็เริ่มจูนกับหนังติด เพราะพอไม่คาดหวังว่าฉากแอ็คชั่นมันจะต้องหวือหวาแบบที่ผู้กำกับ David Leitch แกเคยจัดให้ใน Atomic Blonde, Deadpool 2, Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw และ Bullet Train แล้วมานั่งตั้งหน้าเสพเรื่องความรักระหว่างพระนางโดยมีสิ่งอื่นๆ เป็นส่วนประกอบ ทีนี้ล่ะเพลินเลยครับ แม้มันจะไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่ก็สนุกสนานตามแนวทางของมัน

Gosling กับ Blunt ถือว่าเล่นคู่กันได้ดีครับ ดูแล้วเชื่อว่าทั้งคู่มีสายใยให้แก่กัน ฉากที่โดนผมมากๆ คือตอนที่โคลท์ไปเข้าฉากหนังของโจดี้ครั้งแรกหลังจากหายตัวไปนาน แล้วเจ๊โจดี้เธอก็ของขึ้น ก่อนจะทำเป็นเล่าพล็อตหนังใส่โทรโข่งให้โคลท์ฟังต่อหน้าคนทั้งกอง แต่ทีนี้พอเล่าไปๆ คนในกองชักงงว่ามันมีอันนี้ในบทด้วยเหรอ สรุปคือไปๆ มาๆ เจ๊โจดี้เธอเอาเรื่องรักๆ ระหว่างเธอกับโคลท์นี่แหละมาพูดตัดพ้อออกไมค์ ทำเอาโคลท์เหมือนโดนรถสิบล้อชนไปเลย ฉากนี้ดูไปก็ฮาไปครับ เป็นอะไรที่เข้่าใจคิดจริงๆ

ไหนจะตอนโคลท์ฟังเพลง All Too Well อีก แล้วยังมีตอนเจ๊โจดี้ร้องเพลง Against All Odds (Take a Look at Me Now) อีก คือหนังมันโรแมนติกจริงๆ น่ะครับ โรแมนติกแบบสตันท์ๆ โรแมนติกแบบลุยๆ ผสมความฮาลงไป โดยรวมมันก็สนุกดี แม้จะยังไม่ถึงกับสุดๆ ก็เถอะ แต่ถ้าท่านจูนกับหนังติดผมว่าท่านก็น่าจะเพลินกับหนังได้ไม่น้อยเหมือนกัน

แต่ถ้าถามว่ายังอยากได้อะไรมากกว่าที่หนังเป็นไหม ลึกๆ ก็ยังอยากได้แอ็คชั่นที่มันมันส์กว่านี้อีกสักหน่อยน่ะครับ เพราะไหนๆ ก็เป็นหนังว่าด้วยสตันท์ ดังนั้นถ้ามีฉากโชว์สตันท์แบบถึงใจกว่านี้มันคงจะเจ๋งเลย รวมถึงเรื่องการสืบการตามปมที่จริงๆ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้หนังอร่อยได้อีกเหมือนกัน ถ้าได้อะไรเหล่านี้เพิ่มเข้าไปนี่ หนังน่าจะมโหระทึกมากกว่าที่เป็นอีกพอตัวเลย

รู้สึกเห็นใจเหมือนกันครับที่หนังทำเงินไม่ตามเป้า คือทำไป $181 ล้านจากทั่วโลก แต่ทุนอยู่ที่ $130 ล้านครับ คือเข้าเนื้อหน่อย แต่เดาว่าตอนลงสตรีมมิ่งนี่น่าจะพอได้ทุนคืน แต่โอกาสเห็นภาคต่อก็อาจไม่มากเท่าไร

แล้วผมก็เพิ่งมารู้ตอนดูนี่แหละครับว่าหนัง The Fall Guy เคยเป็นซีรี่ส์มาก่อน คือดูแบบไม่รู้อะไรมาก่อนเลยจริงๆ – ที่รู้ก็เพราะฉากตอน End Credits นั่นแหละครับ ลองมาแบบนี้แสดงว่าต้องทำเพื่อคารวะเวอร์ชั่นเก่าแน่นอน – เลยลองย้อนไปดูสักตอนสองตอน ก็เพลินดีนะครับ ที่แน่ๆ เลยคือ Heather Thomas สวยน่าดูเลยล่ะ

สรุปว่าสนุกในระดับน่าพอใจ แม้จะยังสนุกได้อีกแต่ก็ถือว่าไม่ผิดหวัง และว่างๆ ผมก็คงเอามาดูซ้ำน่ะครับ เพราะมันตอบโจทย์ความบันเทิงได้เข้าท่าอยู่

สองดาวครึ่งได้ครับ

(7/10)